เครื่องบินขับไล่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคุกคามเครื่องบินของญี่ปุ่นด้วยกลวิธีเชิงบีบบังคับและเป็นอันตราย

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

เครื่องบินขับไล่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้บินอย่างเป็นอันตรายเข้าใกล้เครื่องบินลาดตระเวนของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นเหนือมหาสมุทรอินโดแปซิฟิกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเรียกร้องให้รัฐบาลจีนหยุดการคุกคามจากกองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชน

เหตุการณ์ที่เกือบเป็นอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเครื่องบินขับไล่ของกองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชนบินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบินซานตง และไล่ตามเครื่องบินลาดตระเวนของญี่ปุ่นนานถึง 40 นาที ก่อนที่จะบินเข้ามาอยู่ในระยะ 45 เมตรจากเครื่องบินดังกล่าว หนึ่งวันถัดมา เครื่องบินขับไล่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้บินไปข้างหน้าของเครื่องบินลาดตระเวน พี-3ซี ของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 900 เมตร กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นระบุ

“การที่เครื่องบินของกองทัพจีนเข้าใกล้ในลักษณะผิดปกติเช่นนี้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการชนได้ เราจึงได้แสดงความกังวลอย่างจริงจังและเรียกร้องให้มีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก” กระทรวงกลาโหมระบุ

“นักบินของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นจะไม่ทำการบินในลักษณะดังกล่าว” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศกล่าว ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะเจแปนไทมส์

ญี่ปุ่นได้เพิ่มความระมัดระวังในการลาดตระเวนทางอากาศหลังจากที่เรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชนสองลำ ได้แก่ ซานตงและเหลียวหนิง ได้ปฏิบัติการพร้อมกันในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกใกล้กับญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน เรือซานตงได้แล่นอยู่ห่างจากเกาะมิยาโกะไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 550 กิโลเมตรในจังหวัดโอกินาวะ และสองวันหลังจากนั้นได้ทำการฝึกบินเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์ขึ้นและลงเหนือเกาะโอกิโนะโทริที่อยู่ทางตอนใต้สุดของญี่ปุ่นในเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นระบุ

ในขณะที่เรือเหลียวหนิงและเรือรบอีกเจ็ดลำได้แล่นอยู่ห่างจากเกาะมินะมิโทริที่อยู่ทางตะวันออกสุดของญี่ปุ่นในเขตเศรษฐกิจพิเศษประมาณ 300 กิโลเมตร ก่อนจะทำการฝึกขึ้นลงของเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์ในน่านน้ำที่อยู่นอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ความก้าวร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเหมือนกันกับการบีบบังคับเกาะไต้หวันที่ปกครองตนเอง ซึ่งรัฐบาลจีนข่มขู่ว่าจะผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนโดยใช้กำลัง และฟิลิปปินส์ ซึ่งชนะคดีอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ได้ตัดสินให้คำกล่าวอ้างอธิปไตยที่กว้างขวางของจีนในทะเลจีนใต้เป็นโมฆะ

การคุกคามล่าสุดจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนอาจเป็นการแสดงความสามารถของกองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชนและทดสอบว่าญี่ปุ่นจะตอบสนองอย่างไร นักวิเคราะห์กล่าว “เจตนาของจีนนั้นชัดเจนถึงที่สุดแล้ว นั่นคือ รัฐบาลจีนกำลังส่งสัญญาณถึงความสามารถที่เพิ่มขึ้นและความพร้อมที่จะบีบบังคับรัฐบาลในภูมิภาค” บทบรรณาธิการในเดอะเจแปนไทมส์ระบุ “เหตุนี้ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับท่าทีด้านกลาโหมที่แข็งแกร่งขึ้นและหลักการทางยุทธศาสตร์ที่สามารถต่อต้านกองทัพปลดปล่อยประชาชนและขัดขวางการรุกรานของจีน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบทางทหารปกติหรือผ่านกลวิธีแบบผสมผสานที่รัฐบาลจีนใช้ในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ของภูมิภาค”

เครื่องบินขับไล่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมักจะบินอย่างเป็นอันตรายเข้าใกล้เครื่องบินของประเทศอื่น ๆ ใน พ.ศ. 2566 เครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเกือบเกิดการปะทะเมื่อเครื่องบินขับไล่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน “ทำการบินในลักษณะที่ก้าวร้าวเกินความจำเป็น” เหนือทะเลจีนใต้ สหรัฐฯ กล่าวในช่วงปลาย พ.ศ. 2566 ว่าได้บันทึกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเชิงบีบบังคับและเป็นอันตรายจากนักบินกองทัพปลดปล่อยประชาชนมากกว่า 180 ครั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2564 มีเหตุการณ์เช่นนี้เกือบ 300 ครั้งที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินของสหรัฐฯ พันธมิตรและหุ้นส่วนในช่วงระยะเวลา 2 ปี ตามข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ใน พ.ศ. 2566 เครื่องบินลาดตระเวนของแคนาดาได้ตรวจสอบทะเลจีนตะวันออกเพื่อหาผู้ฝ่าฝืนมาตรการห้ามค้าน้ำมันให้กับเกาหลีเหนือขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เมื่อเครื่องบินขับไล่ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนบินเข้ามาในระยะ 5 เมตรและยิงพลุสัญญาณ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 นักบินของกองทัพเรือออสเตรเลียต้องทำการหลบหลีกเมื่อเครื่องบินขับไล่ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนยิงพลุสัญญาณในเส้นทางการบินของเครื่องบิน ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเครื่องบินและลูกเรือ กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียระบุ