ฝรั่งเศสและสิงคโปร์ให้คำมั่นที่จะขยายความร่วมมือด้านกลาโหม

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ในขณะที่ทั้งสองประเทศเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตใน พ.ศ. 2568 ฝรั่งเศสและสิงคโปร์ได้ให้คำมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมในประเด็นต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ การต่อต้านการก่อการร้าย ความมั่นคงทางไซเบอร์ ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และเทคโนโลยี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศได้พบปะกันที่สิงคโปร์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และเป้าหมายสำคัญด้านความมั่นคง และได้ยืนยันความสัมพันธ์ด้านกลาโหมแบบทวิภาคีที่ “แข็งแกร่งและกว้างขวาง” ซึ่งรวมถึงการที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพให้กับหน่วยฝึกการบินขั้นสูงของกองทัพอากาศสาธารณรัฐสิงคโปร์ที่ฐานทัพอากาศกาโซใกล้เมืองบอร์โดมาเป็นเวลานาน ด้วยพื้นที่เพียง 719 ตารางกิโลเมตร สิงคโปร์จึงมีอากาศยานที่จำกัดสำหรับการฝึกอบรมและการฝึกซ้อมทางทหาร โดยเป็นประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เพียงประเทศเดียวที่มีกำลังทหารประจำการในฝรั่งเศส ตามข้อมูลจากเครือข่ายข่าวซีเอ็นเอที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ได้ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของฝรั่งเศสและสิงคโปร์ให้เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์แบบครอบคลุม ซึ่งข้อตกลงลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกของสิงคโปร์กับประเทศในยุโรป ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะสเตรตส์ไทมส์
“ภายใต้ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ เราจะเสริมสร้างความร่วมมือในด้านอื่น ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีด้านกลาโหมและเทคโนโลยีที่สำคัญและเกิดขึ้นใหม่มาใช้งาน” นายหว่องกล่าว “เราจะเสริมสร้างเส้นทางของความร่วมมือ รวมถึงการจัดตั้งการสนทนาของเจ้าหน้าที่อาวุโสด้วย”
นายมาครงและนายเซบาสเตียน เลอกอร์นู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมการประชุมแชงกรีลา ครั้งที่ 22 ระหว่างการเยือนสิงคโปร์ ในการกล่าวคำปราศรัย นายมาครงกล่าวถึงบทบาทของฝรั่งเศสในฐานะประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงดินแดนโพ้นทะเลที่เป็นที่อยู่อาศัยของประชากรฝรั่งเศสกว่า 1 ล้านคน
“เรามีทหารมากกว่า 8,000 นายที่ประจำการอย่างถาวรในฐานทัพของเรา” นายมาครงกล่าว “เราก่อตั้งฐานทัพถาวรในภูมิภาคนี้ร่วมกับหุ้นส่วนบางประเทศ และเราได้ทำการฝึกซ้อมพร้อมกับฝรั่งเศสหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาร่วมกับหลายประเทศ และได้ฝึกซ้อมเมื่อไม่นานมานี้กับเรือบรรทุกเครื่องบินของเราที่สิงคโปร์แห่งนี้”
นายมาครงกล่าวถึงภัยคุกคามที่ภูมิภาคและประชาคมโลกกำลังเผชิญ ในระหว่างการเยือนอินโดนีเซียและเวียดนามขณะอยู่ในภารกิจมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 1 สัปดาห์
“เรากำลังเผชิญกับความท้าทายจากประเทศจอมปรับเปลี่ยน ซึ่งต้องการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้ฉากหน้าที่เรียกว่าเขตอิทธิพล แต่จริง ๆ แล้วคือเขตการบีบบังคับ ประเทศที่ต้องการควบคุมพื้นที่ตั้งแต่ขอบเขตของยุโรปไปจนถึงหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ โดยไม่สนใจหุ้นส่วนในภูมิภาคและไม่คำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศที่ต้องการยึดทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรทางการประมงหรือแร่ธาตุ และขับไล่ผู้อื่นออกไปจากผลประโยชน์เหล่านั้น ประเทศที่ต้องการบังคับให้ประเทศที่เป็นอิสระต้องยอมรับทางเลือกทางนโยบายต่างประเทศของพวกเขาหรือมีความโน้มเอียงพันธมิตรของพวกเขา” นายมาครงกล่าว
ภายใต้ข้อตกลงใหม่ของทั้งสองประเทศ ฝรั่งเศสและสิงคโปร์จะเสริมสร้างโครงการร่วมที่เริ่มต้นใน พ.ศ. 2566 เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ และอำนวยความสะดวกในการแบ่งปันและคุ้มครองข้อมูลที่เป็นความลับ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะสเตรตส์ไทมส์
นายหว่องต้อนรับการมีส่วนร่วมของฝรั่งเศสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มากขึ้น
“เราต้องการให้ภูมิภาคนี้เปิดกว้างและไม่แบ่งแยก” นายหว่องกล่าวระหว่างการแถลงข่าว “เราต้องการภูมิภาคที่ไม่ถูกครอบงำโดยมหาอำนาจรายใดรายหนึ่ง … เราต้องการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมกับทุกฝ่าย และยอมรับข้อตกลงที่เป็นผลดีร่วมกัน แทนที่จะเป็นการแข่งขันที่ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย เรามีความเชื่อในผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่ายในภูมิภาคนี้
“ฝรั่งเศสคือ … ประเทศที่มีอำนาจในมหาสมุทรแปซิฟิก” นายหว่องกล่าว “ฝรั่งเศสมีขีดความสามารถที่สำคัญในหลายด้าน และเรามีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับฝรั่งเศส”