การปล่อยเรือรบที่ล้มเหลวชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนในกองทัพเกาหลีเหนือ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
การปล่อยเรือที่ล้มเหลวและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเรือรบน้ำหนัก 5,000 ตันของเกาหลีเหนือแสดงให้เห็นชัดถึงความยากลำบากของรัฐบาลของนายคิม จองอึนในการทำตามคำมั่นสัญญาในการปรับปรุงความทันสมัยด้านกลาโหม
ผู้นำของรัฐบาลเกาหลีเหนือมองดูเหตุการณ์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ขณะที่เรือขนาด 143 เมตรลำใหม่ของเกาหลีเหนือประสบความล้มเหลวและพลิกคว่ำระหว่างการปล่อยเรือที่ผิดพลาดในแนวด้านข้างที่เมืองท่าช็องจินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่ลูกเรือพยายามดันเรือให้เข้าสู่ทะเล ด้านหน้าของเรือติดขัดอยู่ที่ทางเดินเรือซึ่งควรจะเลื่อนออกไป และตัวเรือก็ได้รับแรงดันบีบอัด ตามรายงานของสื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ
เรือลำดังกล่าวปิดฉากลงด้วยการจมลงไปในอู่ต่อเรือบางส่วน โดยมีผ้าคลุมปกปิดเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพจากดาวเทียมเผยให้เห็นความอับอายของนายคิม นายคิมตำหนิความเสียหายครั้งนี้ว่าเกิดจากความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่และมีการจับกุมเจ้าหน้าที่ประจำอู่ต่อเรืออย่างน้อย 4 คน นักวิเคราะห์กล่าวว่าความผิดพลาดนี้น่าจะเกิดจากการขาดประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่อู่ต่อเรือและความต้องการของนายคิมในการสร้างเรือรบอย่างรวดเร็ว
วิดีโอจาก: แม็กซ่า เทคโนโลยี/รอยเตอร์
อู่เรือฮัมบุกไม่เคยผลิตเรือขนาดใหญ่มาก่อน ตามรายงานของสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา นักวิเคราะห์กล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจไม่เคยลองเปิดตัวเรือที่มีขนาดเท่าเรือพิฆาตในลักษณะทางด้านข้างมาก่อน ในกรณีที่การปล่อยเรือประสบความสำเร็จ เรือดังกล่าวจะจมลงในน้ำในลักษณะยาวตามตัวเรือ โดยเรือจะเอียงไปข้างหนึ่งก่อนที่จะกลับมาตั้งตรง
แผนการที่ล้มเหลวนี้เป็นเพียงปัญหาหนึ่งของนายคิม นักวิชาการกล่าวว่าความพยายามของนายคิมในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและทำให้รัฐบาลของตนต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรมาหลายปี ทำให้กองทัพเกาหลีเหนือส่วนอื่นขาดแคลนเงินทุน อีกทั้งยังทำให้เครื่องบินรบ รถถัง และเรือไม่สามารถใช้งานได้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ตอนนี้ผู้นำเผด็จการกำลังเร่งรีบในการปรับปรุงกองทัพของตน “โดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด”
ความเร่งรีบของนายคิมมาจากแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวคือการรักษาอำนาจในรัฐเผด็จการที่ปู่ของตนก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2491 ทว่านายคิมพยายามสร้างความชอบธรรมให้กับความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ที่ผิดกฎหมายของตน ด้วยการกล่าวหาว่าเกาหลีใต้และพันธมิตรทางสนธิสัญญาระยะยาวของเกาหลีใต้อย่างสหรัฐฯ กำลังก่อให้เกิดการคุกคามความขัดแย้ง โดยพันธมิตรทั้งสองได้ลงนามในข้อตกลงการป้องกันร่วมหลังจากที่การรุกรานของเกาหลีเหนือใน พ.ศ. 2493 ทำให้เกิดสงครามระยะเวลาสามปีที่คร่าชีวิตผู้คนในคาบสมุทรอย่างน้อย 2.5 ล้านคน รัฐบาลเกาหลีใต้และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเสริมสร้างความสามารถในการป้องปรามการโจมตีจากเกาหลีเหนือในอนาคตด้วยการใช้ทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ การฝึกซ้อมทางทหารร่วมกัน และการเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันด้านกลาโหม
ในขณะเดียวกัน นายคิมอาจจะยังคงเรียกร้องกรอบเวลาที่ไม่สมจริงสำหรับเรือรบใหม่และทรัพยากรอื่น ๆ ตามรายงานของนักสังเกตการณ์ทางทหาร สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือในช็องจินไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่กลัวไว้ในตอนแรก และรายงานว่าอาจมีการซ่อมแซมเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างไม่เชื่อเช่นนั้น นักวิเคราะห์กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าการดึงเรือรบที่จมไปครึ่งหนึ่งขึ้นมาอาจทำให้เรือได้รับความเสียหายที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ และการกู้เรืออาจจำเป็นต้องตัดเรือออกเป็นชิ้น ๆ
ก่อนที่เรือพิฆาตที่ยังไม่เปิดเผยชื่อนี้จะจม นายคิมได้ทำการปล่อยเรือและทดสอบอาวุธในลักษณะดั้งเดิมกับเรือพิฆาตที่คล้ายกันจากท่าเรือทางฝั่งตะวันตกของเกาหลีเหนือในเมืองนัมโป แม้ไม่มีความชัดเจนว่าเรือสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองหรือมีการลากไป นักวิเคราะห์กล่าว เกาหลีเหนือพึ่งพาการโฆษณาชวนเชื่ออย่างมากในการพยายามทำให้โลกเชื่อในความสามารถของพวกเขาในการปรับปรุงกองเรือที่มีอายุตั้งแต่สมัยโซเวียต นายโจเซฟ เบอร์มิวเดซ จูเนียร์ นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ กล่าวในการสัมมนาผ่านเว็บของศูนย์วิจัย
“พวกเขากำลังแสดงบางสิ่งให้คุณดู เพราะพวกเขาต้องการให้คุณเชื่อในสิ่งนั้น” นายเบอร์มิวเดซกล่าว “แต่นั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป”