ทรัพยากรส่วนรวมของโลกเอเชียใต้

การทดสอบสแครมเจ็ตเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียงของอินเดีย

มันดีป ซิงห์

อินเดียได้เดินหน้าสู่ย่างก้าวที่สำคัญในการพัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียง ด้วยความสำเร็จในการทดสอบระบบเผาไหม้สแครมเจ็ตขนาดย่อยที่มีระบบระบายความร้อนแบบแอคทีฟ

การทดสอบจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ณ ศูนย์สแครมเจ็ตที่เพิ่งได้รับการเปิดใช้งานในเมืองไฮเดอราบัดโดยห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมของอินเดีย การประเมินผลแสดงให้เห็นถึงการเผาไหม้ด้วยความเร็วเหนือเสียงอย่างต่อเนื่อง ยืนยันการออกแบบส่วนประกอบสแครมเจ็ต และวางรากฐานสำหรับการทดสอบแบบเต็มรูปแบบที่พร้อมใช้งานในการบินจริง กระทรวงกลาโหมอินเดียระบุ

“เป็นครั้งแรกที่องค์กรวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมได้ทดสอบระบบเผาไหม้สแครมเจ็ตที่มีระบบระบายความร้อนแบบแอคทีฟได้นานถึง 1,000 วินาทีเต็ม” นายวิจินเดอร์ เค. ทาคูร์ นักวิเคราะห์กลาโหมและอดีตนักบินขับไล่กองทัพอากาศอินเดียกล่าวกับ ฟอรัม “นี่คือก้าวสำคัญ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอินเดียในการออกแบบระบบสแครมเจ็ตที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายนาที ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ”

ขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียงขับเคลื่อนด้วยสแครมเจ็ตที่ความเร็วห้าเท่าของเสียง หรือมัค 5 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6,100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาวุธดังกล่าวสร้างความท้าทายต่อระบบป้องกันขีปนาวุธทั่วไป ด้วยความเร็วสูง ความคล่องตัว และแนวโคจรในระดับต่ำ ทำให้ขีปนาวุธยากต่อการติดตามและสกัดกั้นด้วยระบบเรดาร์แบบดั้งเดิม

หลายประเทศรวมถึงออสเตรเลีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ก็กำลังพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธความเร็วเหนือเสียงเช่นกัน

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 กองทัพสหรัฐฯ ได้ดำเนินการทดสอบการบินยานพาหนะทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงไร้คนขับที่สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นครั้งที่สองได้สำเร็จ ยานพาหนะดังกล่าวปล่อยจากอากาศยานและใช้เครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงเหลว โดยทำความเร็วเกินมัค 5 เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนลงจอดที่ฐานอวกาศแวนเดนเบิร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ

อินเดียกำลังเสริมสร้างขีดความสามารถด้านกลาโหมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความพยายามของจีนในการแผ่อิทธิพลในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ขณะที่ข้อพิพาทชายแดนระหว่างจีนและอินเดียที่ยาวนานหลายสิบปีได้ก่อให้เกิดการปะทะที่รุนแรงในเทือกเขาหิมาลัย

การทดสอบสแครมเจ็ตครั้งนี้แก้ไขปัญหาด้านการขับเคลื่อนและการจัดการความร้อนที่เกี่ยวข้องกับระบบความเร็วสูง รวมถึงนวัตกรรมการเคลือบกันความร้อนและเชื้อเพลิงที่ดูดซับความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ก่อนการเผาไหม้

ความก้าวหน้าเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในด้านขีดความสามารถของอาวุธความเร็วเหนือเสียงของอินเดีย ซึ่งเริ่มต้นจากการทดสอบบินของยานต้นแบบเทคโนโลยีอาวุธความเร็วเหนือเสียงใน พ.ศ. 2563 ที่สามารถบินด้วยความเร็วมัค 6 อย่างต่อเนื่องประมาณ 20 วินาที หรือราว 7,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เครื่องยนต์สแครมเจ็ต

“อุปสรรคสำคัญในการสร้างขีปนาวุธร่อนอาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ใช้งานได้จริงไม่ใช่เครื่องยนต์สแครมเจ็ตเอง แต่เป็นการจัดการกับความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายทาคูร์กล่าว “ความสำเร็จของห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมคือการแก้ไขปัญหาความร้อนจากแรงเสียดทาน ด้วยการผสมผสานระหว่างระบบระบายความร้อนแบบแอคทีฟและการเคลือบกันความร้อนขั้นสูง”

ระบบระบายความร้อนแบบแอคทีฟนี้ทำงานโดยการหมุนเวียนเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันเตาผ่านช่องทางในผนังห้องเผาไหม้ เพื่อดูดซับและจัดการความร้อนสูงที่เกิดขึ้นระหว่างการบินอาวุธความเร็วเหนือเสียง หลังจากที่เชื้อเพลิงได้รับความร้อนแล้วจะเข้าสู่ห้องเผาไหม้เพื่อจุดระเบิดอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยปรับปรุงการระบายความร้อนและประสิทธิภาพการเผาไหม้

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันอีกประการของความสำเร็จในการทดสอบคือการใช้การเคลือบกันความร้อนเซรามิกรุ่นใหม่ที่พัฒนาร่วมกันโดยห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายทาคูร์กล่าว การเคลือบนี้ช่วยปกป้องชิ้นส่วนจากอุณหภูมิสูงถึง 2,500 องศาเซลเซียสภายในห้องเผาไหม้ ช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์

การพัฒนาเชื้อเพลิงเฉพาะโดยห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมและบริษัทในประเทศ “ก็ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญเช่นกัน” นายทาคูร์กล่าว “เชื้อเพลิงนี้ไม่เพียงช่วยในการระบายความร้อนเครื่องยนต์ แต่ยังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ”

และยังกล่าวว่า เครื่องยนต์สแครมเจ็ตขององค์กรวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมอินเดียในอนาคตอาจทดแทนเทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ในแท่นยิงอาวุธได้ “ความสำเร็จนี้เปิดทางให้อินเดียมีขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียงที่ผลิตเองได้อย่างเต็มรูปแบบในไม่ช้า”

มันดีป ซิงห์ เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button