กลุ่ม 11 ประเทศระบุว่าการทำข้อตกลงทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียละเมิดการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติอย่างโจ่งแจ้ง

รอยเตอร์
เกาหลีเหนือได้ช่วยรัสเซียเพิ่มการโจมตีด้วยขีปนาวุธต่อโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนที่สำคัญในยูเครน และจัดหากระสุนมากกว่า 20,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ตามรายงานของออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และสมาชิกอื่น ๆ อีก 6 ประเทศขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น
กลุ่มที่มีชื่อว่า ทีมตรวจสอบมาตรการคว่ำบาตรพหุภาคี ได้รายงานในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ว่ารัสเซียได้ช่วยเกาหลีเหนือพัฒนาประสิทธิภาพขีปนาวุธด้วยการจัดหาข้อมูลให้
ทีมนี้ประกอบไปด้วย 11 ประเทศได้แก่แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร เริ่มการตรวจสอบในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 เพื่อตรวจสอบมาตรการคว่ำบาตรก่อนหน้านี้ของยูเอ็นที่มีต่อเกาหลีเหนือ หลังจากที่รัสเซียและจีนได้ยกเลิกเครื่องมือการบังคับใช้การคว่ำบาตรก่อนหน้านี้ รัสเซียได้ใช้สิทธิ์ยับยั้งการต่ออายุคณะกรรมการของยูเอ็น ที่ได้บังคับใช้การคว่ำบาตรต่อโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นเวลา 15 ปี จีนงดออกเสียงในการลงคะแนน
รายงานระบุว่า มีการขนส่งกระสุนปืนใหญ่และกระสุนเครื่องยิงจรวดถึง 9 ล้านนัดจากเกาหลีเหนือไปยังรัสเซียโดยเรือบรรทุกสินค้าของรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือทางทหารระหว่างสองประเทศที่ละเมิดการคว่ำบาตรของยูเอ็น
“อย่างน้อยในระยะเวลาอันใกล้ เกาหลีเหนือและรัสเซียตั้งใจที่จะดำเนินการและกระชับความร่วมมือทางทหารต่อไป ซึ่งขัดต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง” กลุ่ม 11 ประเทศระบุ
ความช่วยเหลือของเกาหลีเหนือ “มีส่วนช่วยในการเพิ่มการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียต่อเมืองในยูเครน รวมถึงการโจมตีที่มีเป้าหมายต่อโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนที่สำคัญ” รายงานระบุ
และยังระบุว่า ตั้งแต่เริ่มขนส่งกระสุนให้รัสเซียในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 เกาหลีเหนือได้ขนถ่ายขีปนาวุธขีปนาวุธพื้นผิวมากกว่า 100 ลูก ปืนใหญ่อัตตาจร เครื่องยิงจรวดระยะไกลหลายลำกล้อง และกระสุนให้กับรัสเซีย
รัสเซียตอบแทนโดย “สนับสนุนโครงการขีปนาวุธทิ้งตัวของเกาหลีเหนือโดยการจัดหาข้อมูลย้อนกลับ … นำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพการนำทางขีปนาวุธ” รายงานระบุ รายงานระบุว่ารัฐบาลรัสเซียยังได้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน รวมถึงระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ให้กับเกาหลีเหนือด้วย
ความร่วมมือดังกล่าวช่วยให้เกาหลีเหนือสามารถระดมทุนสำหรับโครงการทางทหารและโครงการขีปนาวุธที่ถูกห้าม และยังทำให้ทหารมากกว่า 11,000 นายที่รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ส่งไปยังรัสเซียตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับประสบการณ์ทางทหารโดยตรง ทีมตรวจสอบมาตรการคว่ำบาตรพหุภาคีระบุ
ในเดือนเมษายน เกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยืนยันการส่งทหารดังกล่าวในฐานะส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้ลงนามใน พ.ศ. 2567 สนธิสัญญานี้รวมถึงข้อตกลงการป้องกันร่วมด้วย
รายงานนี้ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 ถึง 30 เมษายน พ.ศ. 2568 ทีมตรวจสอบมาตรการคว่ำบาตรพหุภาคีกล่าวว่าจะยังคงติดตามการบังคับใช้มติของยูเอ็น “และสร้างความตระหนักถึงความพยายามที่กำลังดำเนินการเพื่อฝ่าฝืนและหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็น” ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส ทีมตรวจสอบมาตรการคว่ำบาตรพหุภาคียังได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือ “มีส่วนร่วมในกระบวนการทางการทูตที่สำคัญ”