ออสเตรเลียและอินโดนีเซียพยายามกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมและเศรษฐกิจให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

ดิแอสโซซิเอเต็ด เพรส
นายแอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนายปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย พบปะกันที่กรุงจาการ์ตาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและกลาโหมระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน
“ผมมาที่อินโดนีเซียเพราะไม่มีความสัมพันธ์ใดสำคัญต่อออสเตรเลียมากไปกว่านี้อีกแล้ว” นายอัลบานีสกล่าวในแถลงการณ์
“นี่คือภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และอินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางของการเติบโตนั้น” นายอัลบานีสกล่าวเสริมโดยระบุว่าอินโดนีเซียมีแนวโน้มจะเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของโลกภายใน พ.ศ. 2583
ด้วยความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ ออสเตรเลียและอินโดนีเซียจึงรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาโดยตลอด รวมถึงด้านความมั่นคงและกลาโหม ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมใน พ.ศ. 2567 เพื่อเปิดทางให้มีกิจกรรมและการฝึกซ้อมร่วมที่ซับซ้อนขึ้น รัฐบาลออสเตรเลียยกย่องข้อตกลงนี้ว่าเป็นข้อตกลงด้านกลาโหม “ที่ลึกซึ้งและสำคัญที่สุด” ของทั้งสองประเทศ
“นี่คือวิธีที่เราจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และส่งเสริมความมั่นคงระดับชาติและภูมิภาคของเรา” นายอัลบานีสกล่าว “ข้อตกลงในระดับสนธิสัญญานี้ ซึ่งมีสนธิสัญญาลอมบอกเป็นรากฐาน จะเปิดทางให้มีความร่วมมือใหม่ในด้านความมั่นคงทางทะเล การต่อต้านการก่อการร้าย ตลอดจนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ”
สนธิสัญญาลอมบอก พ.ศ. 2549 กำหนดกรอบการทำงานสำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงทวิภาคี
อินโดนีเซียได้ปฏิเสธรายงานข่าวล่าสุดที่ระบุว่ารัสเซียได้ขอตั้งฐานทัพสำหรับเครื่องบินทหารในจังหวัดปาปัว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันออกสุดของหมู่เกาะ ห่างจากเมืองดาร์วินของออสเตรเลียประมาณ 1,200 กิโลเมตร โดยมีนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกาหมุนเวียนประจำฐานนี้เป็นเวลา 6 เดือนต่อปี
“คำตอบของอินโดนีเซียคือ ไม่เป็นความจริง พวกเขาได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว” นายอัลบานีสกล่าว ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ความร่วมมือระหว่างออสเตรเลียและอินโดนีเซีย “ยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพมากกว่าที่เคย” นายอวน เกรแฮม นักวิเคราะห์อาวุโสด้านกลาโหมจากสถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของออสเตรเลีย กล่าวกับรอยเตอร์