สหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการลงโทษเรือที่ละเมิดมติขององค์การสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ

รอยเตอร์
สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเรือที่ละเมิดมติของยูเอ็น เพื่อยับยั้งโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่ผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ
ศูนย์ข้อมูลแบบเปิดในสหราชอาณาจักร รายงานในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ว่า ได้ติดตามเรือที่ไม่ใช้ธงชาติเกาหลีเหนือ ที่กำลังลักลอบขนส่งถ่านหินและแร่เหล็กจากเกาหลีเหนือไปยังท่าเรือในจีน ซึ่งถือเป็นการละเมิดมติของยูเอ็น
ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นายเจมส์ เบิร์น ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลแบบเปิด ได้ระบุชื่อเรือหลายลำ ได้แก่ เรืออาร์มานี่และโซเฟีย ที่ติดธงของแทนซาเนีย เรือคาร์เทียร์และคาสิโอ ที่ติดธงอย่างไม่ถูกต้อง รวมถึงเรืออีลี่ 1 และอันหยู ที่ไม่ติดธงชาติใด ๆ
นายเบิร์นกล่าวว่า เรือเหล่านี้ใช้เทคนิคปลอมแปลงขั้นสูง เช่น การปลอมแปลงเส้นทางดิจิทัล ทำให้ดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในน่านน้ำของประเทศอื่น ขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมยืนยันว่าพวกเขากำลังขนส่งสินค้าในเกาหลีเหนือจริง ๆ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีมติสำคัญ 9 ฉบับเพื่อคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเนื่องจากดำเนินกิจกรรมนิวเคลียร์และขีปนาวุธตั้งแต่ พ.ศ. 2549 หนึ่งในมติแรก ๆ ซึ่งรู้จักกันในชื่อมติ 1718 ได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ของตน “อย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และไม่สามารถย้อนกลับคืนได้” ยุติกิจกรรมขีปนาวุธทิ้งตัว และกลับเข้าสู่การเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์
มติดังกล่าวห้ามสมาชิกของยูเอ็นขายหรือขนถ่ายอาวุธหนัก เช่น รถถัง เรือ หรือระบบขีปนาวุธ รวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสำหรับโครงการอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงและขีปนาวุธทิ้งตัวแก่เกาหลีเหนือ อีกทั้งยังอายัดทรัพย์สินทางการเงินของหน่วยงานที่คณะมนตรีความมั่นคงเห็นว่ามีส่วนสนับสนุนโครงการนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงของรัฐบาลเกาหลีเหนือ มติดังกล่าวยังได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตาม
มติฉบับถัด ๆ มาได้ขยายขอบเขตการห้ามค้าอาวุธ โดยได้กำหนดบุคคลและหน่วยงานเพิ่มเติมที่ต้องถูกอายัดทรัพย์สินและห้ามเดินทาง เสริมความเข้มงวดในการบังคับใช้ และห้ามหรือจำกัดการส่งออกของเกาหลีเหนือ เช่น ทองแดง นิกเกิล เหล็ก ถ่านหิน สิ่งทอ และอาหารทะเล
นางโดโรธี คาเมล เชีย เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงจะยังคงให้ความสำคัญกับการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร แม้ว่ารัสเซียจะใช้อำนาจยับยั้งมติเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขยายอำนาจหน้าที่ของคณะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามการละเมิดมาตรการเหล่านี้ก็ตาม
นางเชียกล่าวว่า สหรัฐฯ จะผลักดันให้มีการขึ้นบัญชีเรือที่นายเบิร์นระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่าได้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็น
นางเชียกล่าวหารัสเซียว่า “จงใจขัดขวาง” การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างไร้ยางอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการนำเข้าขีปนาวุธและกระสุนจากเกาหลีเหนือ เพื่อนำไปใช้ในสงครามกับยูเครน
ตามรายงานของนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ชาวยูเครน เกาหลีเหนือได้ส่งทหารประมาณ 14,000 นาย พร้อมกับปืนใหญ่ ขีปนาวุธ และอาวุธแบบดั้งเดิมอื่น ๆ ไปยังรัสเซีย เพื่อแลกกับเงินสด น้ำมัน และอุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศด้วยขีปนาวุธ
นอกจากนี้ นางเชียยังกล่าวหาว่าทางการจีน “แสร้งเพิกเฉย” ต่อการที่บริษัทจีนบางแห่งนำเข้าถ่านหินและแร่เหล็กจากเกาหลีเหนือ ทั้งที่รัฐบาลจีนยืนยันว่าตนปฏิบัติตามมติของยูเอ็นอย่างเคร่งครัด