อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

สหรัฐฯ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและฮ่องกงจากกรณีการปราบปรามข้ามชาติ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

นักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่อเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง ซึ่งนำกฎหมายความมั่นคงที่เข้มงวดเกินจำเป็นมาใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่และคุกคามนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย

มาตรการคว่ำบาตรในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 สั่งอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯ ที่เป็นของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงหกรายของรัฐบาลจีนและฮ่องกง พร้อมทั้งห้ามไม่ให้หน่วยงานในสหรัฐฯ ทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ กับบุคคลดังกล่าว บุคคลที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร ได้แก่ หัวหน้าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลจีนประจำฮ่องกง ผู้บัญชาการตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่มีบทบาทในการบังคับใช้นโยบายปราบปรามของจีน

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามที่จะ “ข่มขู่ ปิดปาก และคุกคามนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย 19 คน ซึ่งจำเป็นต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ โดยในจำนวนนี้เป็นพลเมืองสหรัฐฯ หนึ่งคน และผู้อาศัยในสหรัฐฯ อีกสี่คน”

การกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน “เป็นภัยคุกคามที่จะยิ่งบ่อนทำลายอำนาจการปกครองตนเองของฮ่องกง ซึ่งขัดต่อพันธะสัญญาที่จีนเคยให้ไว้” ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

ภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้แก่จีนใน พ.ศ. 2540 จีนได้ให้คำมั่นว่าจะคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระของฮ่องกง ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง แทนที่จะยึดมั่นในหลักการ “หนึ่งประเทศสองระบบ” ตามที่เคยให้สัญญาไว้ ทว่าใน พ.ศ. 2562 พรรคคอมมิวนิสต์จีนกลับเสนอให้ส่งผู้ต้องสงสัยจากฮ่องกงไปยังจีนเพื่อขึ้นศาล

การประท้วงที่เกิดขึ้นในฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสนับสนุนประชาธิปไตยที่ขยายวงกว้างยิ่งขึ้น ก่อนที่จีนจะหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของฮ่องกง เพื่อบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่มุ่งปราบปรามผู้เห็นต่าง

ใน พ.ศ. 2563 พรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มบังคับใช้กฎหมายเพื่อจำคุกผู้นำฝ่ายค้าน ปิดสื่ออิสระ และจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การปราบปรามยังคงดำเนินต่อไปด้วยการออกกฎหมายความมั่นคงฉบับเร่งด่วนใน พ.ศ. 2567 ซึ่งองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนลที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ได้เรียกการปราบปรามนี้ว่าเป็น “อีกหนึ่งการโจมตีที่บ่อนทำลายสิทธิมนุษยชนของฮ่องกง”

เจ้าหน้าที่ได้ใช้กฎหมายดังกล่าวเพื่อบั่นทอนหลักนิติธรรมและบ่อนทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตลอดจนคุกคามและข่มขู่ผู้คนนอกพรมแดนของจีน ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2568 ว่าด้วยสถานการณ์ในฮ่องกง ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลาย พ.ศ. 2567 รัฐบาลจีนได้ออกหมายจับและตั้งรางวัลนำจับสำหรับนักรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยที่อยู่ต่างประเทศ และยกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมถึงบางคนที่อาศัยในสหรัฐฯ

สหรัฐฯ ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวน 48 คน “เนื่องจากมีส่วนร่วมในการปราบปรามขบวนการสนับสนุนประชาธิปไตยและละเมิดคำมั่น “หนึ่งประเทศสองระบบ” ตามรายงานของมูลนิธิคณะกรรมการเพื่อเสรีภาพในฮ่องกงประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

“เราขอชื่นชมกระทรวงการต่างประเทศที่ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่เพิกเฉยต่อการปราบปราม” นางฟรานเซส ฮุย ผู้ประสานงานด้านนโยบายและการรณรงค์ของมูลนิธิข้างต้น กล่าว

เจ้าหน้าที่ที่มีรายชื่อในมาตรการคว่ำบาตรล่าสุด “มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด การจำคุกนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย และการยกระดับการก่อกวนข้ามพรมแดนโดยการตั้งรางวัลนำจับพวกเราที่ถูกบังคับให้ลี้ภัย รวมถึงตัวฉันเอง” นางฮุยกล่าว “พวกเราหลายคนต้องเผชิญกับแรงกดดันและการข่มขู่อย่างไม่ลดละผ่านการปราบปรามข้ามชาติ การได้เห็นสหรัฐฯ เป็นผู้นำในการเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างยิ่ง”

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ออกมาตรการจำกัดการออกวีซ่าแก่เจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจำกัดการเข้าถึงทิเบต ซึ่งกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เข้ารุกรานและผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1950 (พ.ศ. 2493-2502) “นับเป็นเวลานานเกินไปแล้วที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนปฏิเสธไม่ให้นักการทูตและนักข่าวของสหรัฐฯ รวมถึงผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเข้าถึงเขตปกครองตนเองทิเบตและพื้นที่อื่น ๆ ของทิเบตในจีน ในขณะที่นักการทูตและนักข่าวของจีนกลับได้รับสิทธิ์ในการเข้าออกสหรัฐฯ ได้อย่างเสรี” นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button