การลาดตระเวนทางอากาศร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เสริมขีดความสามารถของพันธมิตร

เจ้าหน้าที่ เซนทรี

กองทัพอากาศของสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐอเมริกาได้จัดการบินแสดงแสนยานุภาพของเครื่องบินทิ้งระเบิดเหนือน่านฟ้าคาบสมุทรเกาหลีในการฝึกซ้อมทางทหาร ซึ่งทั้งสองฝ่ายระบุว่ามีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านปฏิบัติการ และรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีเหนือ

เครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ของสหรัฐฯ จำนวน 2 ลำ ร่วมกับเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1บี แลนเซอร์ ของสหรัฐฯ จำนวน 2 ลำ เครื่องบินขับไล่ เอฟ-35เอ ไลท์นิ่ง 2 ของเกาหลีใต้ 2 ลำ และเครื่องบินแบบ เคเอฟ-16 ของเกาหลีใต้ 2 ลำ เข้าร่วมการฝึกร่วมเหนือน่านฟ้าทางตะวันตกของเกาหลีใต้ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ตามรายงานจากข่าวประชาสัมพันธ์ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ การฝึกซ้อมครั้งนี้ครอบคลุมถึงการฝึกอบรมตอบโต้ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ รวมถึงการประสานเทคนิค ยุทธวิธี และกระบวนการเข้าด้วยกัน

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า “การฝึกอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถในการยับยั้งภัยคุกคามร่วมกันของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่ขยายตัวขึ้น และเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกันของกองกำลังผสม เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและซับซ้อนจากโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ” ตามข้อมูลจากเอ็นเคนิวส์ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ยังระบุว่า การฝึกครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการเร่งพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ ทั้งระบบขีปนาวุธเชิงยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ ตลอดจนการกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย “ด้วยการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ เราจะเดินหน้ายกระดับการฝึกร่วมต่อไป เพื่อยับยั้งและตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และยกระดับความแข็งแกร่งของพันธมิตรยิ่งขึ้นไปอีก”

เครื่องบินความเร็วเหนือเสียง บี-1บี สามารถบรรทุกอาวุธธรรมดาทั้งแบบนำวิถีและไม่ใช่นำวิถีได้มากที่สุดในกองทัพอากาศสหรัฐฯ การฝึกซ้อมครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่มีการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใน พ.ศ. 2568 ในเดือนกุมภาพันธ์ กองทัพอากาศเกาหลีใต้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ และนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้จัดการฝึกซ้อมเพื่อพิสูจน์ความสามารถผสมของทั้งสองประเทศในการปฏิบัติการโจมตีและปฏิบัติภารกิจในสภาพแวดล้อมที่มีข้อพิพาท

การฝึกอบรมนี้ “ช่วยให้เราสามารถรักษาความพร้อมให้อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อจุดยืนด้านกลาโหมร่วมของเรา” พล.อ.ท. เดวิด ไอเวอร์สัน ผู้บัญชาการกองทัพอากาศหน่วยที่ 7 ของสหรัฐฯ กล่าว “ทุกครั้งที่ลูกเรือของเราวางแผน ปฏิบัติภารกิจ และวิเคราะห์หลังปฏิบัติภารกิจร่วมกัน เราได้ยกระดับความชำนาญในยุทธวิธี เทคนิค และกระบวนการของเราเพื่อปกป้องพันธมิตร หากจำเป็น”

กองกำลังเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ดำเนินการฝึกซ้อมในหลากหลายขอบเขตตลอดทั้งปี การฝึกโอเพนนิ่งแกมบิตในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ช่วยเตรียมความพร้อมให้กำลังพลในการปฏิบัติงานด้านการจัดการวิกฤตร่วมกัน การฝึกฟรีดอมชิลด์ ซึ่งจัดขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ประกอบด้วยการฝึกที่ฐานบัญชาการด้วยการจำลองทางคอมพิวเตอร์และการฝึกภาคสนาม การฝึกซัลเวจเอ็กเซอร์ไซส์โคเรีย พ.ศ. 2568 ในเดือนเมษายนเป็นการฝึกนักประดาน้ำจากกองทัพเรือเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการค้นหาและกู้คืนวัตถุจากก้นทะเล นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน กองทัพอากาศของพันธมิตรเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ยังได้ทำการฝึกฟรีดอมแฟลก 25-1 เพื่อยกระดับความพร้อมและความสามารถในการทำงานร่วมกัน

“เราร่วมมือกับหุ้นส่วนเกาหลีใต้ของเราในการเสริมสร้างความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ” พล.ต. สตีเวน เอ็ม. โมดูกโน จากกองบัญชาการเคมี ชีววิทยา รังสี นิวเคลียร์ และวัตถุระเบิดที่ 20 ของกองทัพบกสหรัฐฯ กล่าวในช่วงท้ายของการฝึกฟรีดอมชิลด์ พ.ศ. 2568 “พันธมิตรนี้แข็งแกร่งที่สุดในโลก และการฝึกครั้งนี้ทำให้กองกำลังของเรามีขีดความสามารถในการปฏิบัติการที่เฉียบคมยิ่งขึ้น เราภาคภูมิใจที่ได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักร่วมกับพันธมิตรเกาหลีใต้ของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าเราพร้อมอยู่เสมอในการรักษาความมั่นคงของทั้งสองประเทศ”

เซนทรีเป็นนิตยสารทางการทหารระดับมืออาชีพที่จัดทำขึ้นโดยกองบัญชาการยุทธศาสตร์ สหรัฐฯ เพื่อเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นสำหรับบุคลากรด้านความมั่นคงของประเทศ