เปิดโปง การบีบบังคับ
การตอบโต้ของฟิลิปปินส์ "ทําลายยุทธศาสตร์ของจีนในทะเลจีนใต้อย่างสิ้นเชิง"

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แสดงเจตนาที่ชัดเจนผ่านการกระทำของตนในทะเลจีนใต้ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมน่านน้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเกือบร้อยละ 90 รวมถึงอาณาเขตทางทะเลในเขตเศรษฐกิจพิเศษของบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จีนได้พยายามที่จะตอกย้ำถึงการอ้างสิทธิ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายผ่านปฏิบัติการทางกฎหมายที่ดำเนินไปอย่างคลุมเครือ
ตัวอย่างหนึ่งคือการที่รัฐบาลจีนส่งกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเล เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่ง และเรือสำรวจไปปิดล้อมด่านทหารชั้นนอกของประเทศอื่น ๆ พุ่งชน และใช้ปืนน้ำโจมตีใส่เรือลาดตระเวนที่ปฏิบัติภารกิจทางทหารและมนุษยธรรม ปิดกั้นการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ และขัดขวางเสรีภาพในการเดินเรือในน่านน้ำสากล
การบีบบังคับนี้มักเกิดขึ้นโดยที่คนส่วนใหญ่ในโลกมองไม่เห็น นายเรย์ พาวเวลล์ ผู้พันที่เกษียณอายุราชการจากกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาและผู้อำนวยการซีไลท์ โครงการเพื่อความโปร่งใสทางทะเล ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในแคลิฟอร์เนีย กล่าวกับ ฟอรัม การบีบบังคับนี้เกิดขึ้นในน่านน้ำที่ห่างไกลซึ่งไม่มีการตรวจสอบจากสาธารณะหรือสื่อ รัฐบาลที่ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกองทัพที่มีอาวุธครบมือและหุ้นส่วนทางการค้ารายใหญ่ในที่สาธารณะ จึงเลือกที่จะสงบนิ่งหรือดำเนินการแบบลับ ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ยกระดับยุทธวิธีที่ก้าวร้าวเพื่อเสริมสร้างอิทธิพลในทะเลจีนใต้ รวมถึงในน่านน้ำสากลของประเทศเพื่อนบ้าน แต่กลับพึ่งพาการบีบบังคับแทนที่จะใช้กำลังทหารตามแบบแผน เป้าหมายของรัฐบาลจีนคือการครองอำนาจทางทะเลโดยไม่ต้องเผชิญกับการประณามจากนานาชาติหรือได้รับผลกระทบ
ฟิลิปปินส์ “ทําลายยุทธศาสตร์ของจีนในทะเลจีนใต้อย่างสิ้นเชิง”
นายพาวเวลล์กล่าว

จับจ้องความไม่โปร่งใสและการปฏิเสธความรับผิดชอบ
รัฐบาลฟิลิปปินส์ทำสำเร็จไปแล้วหนึ่งครั้งเมื่อศาลระหว่างประเทศตัดสินให้การอ้างสิทธิ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้เป็นโมฆะ ขณะที่รัฐบาลจีนเพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลและยังคงเดินหน้าผลักดันข้อเรียกร้องด้านดินแดนของตน การตัดสินดังกล่าวได้ตอกย้ำถึงอำนาจอธิปไตยของฟิลิปปินส์และเสริมความแข็งแกร่งให้กับข้อโต้แย้งของรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่อ้างอิงกฎหมายระหว่างประเทศ
“เมื่อก้าวสู่ พ.ศ. 2566 เราพบว่าตนเองกำลังจับตาดูนวัตกรรมยิ่งใหญ่อีกครั้งจากฟิลิปปินส์” นายพาวเวลล์และ น.อ. เบนจามิน โกอิริโกลซาร์รี จากกองทัพอากาศสหรัฐฯ เขียนให้กับซีไลท์ “คราวนี้เป้าหมายของรัฐบาลฟิลิปปินส์คือ … ความไม่โปร่งใสและการปฏิเสธความรับผิดชอบที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้กดดันเพื่อแสวงหาความได้เปรียบอย่างไม่หยุดยั้ง และมีอาวุธหลักอย่าง การถ่ายภาพ ซึ่งนำมาใช้อย่างมุ่งมั่น แพร่หลาย และต่อเนื่อง”
เพื่อเป็นการเปิดฉากของโครงการความโปร่งใสเชิงรุก ฟิลิปปินส์ได้เผยแพร่ภาพถ่ายของเรือกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนที่ใช้เลเซอร์ที่ได้มาตรฐานทางทหาร จนทำให้ลูกเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์สูญเสียการมองเห็นชั่วคราว ขณะนั้นลูกเรือฟิลิปปินส์กำลังปฏิบัติภารกิจเติมเสบียงให้กับเรือบีอาร์พี เซียร์รา มาเดร ซึ่งเป็นเรือของกองทัพเรือที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการทางทหารที่สันดอนโทมัสที่สอง อยู่ห่างจากเกาะปาลาวันของฟิลิปปินส์ไม่ถึง 200 ไมล์ทะเล และอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ยังคงเปิดโปงการรุกรานของรัฐบาลจีน โดยเผยแพร่ภาพและวิดีโอที่แสดงให้เห็นเรือกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลของจีนที่เข้ามาปิดล้อมน่านน้ำฟิลิปปินส์ เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนที่ปิดกั้น พุ่งชน และใช้ปืนฉีดน้ำโจมตีเรือฟิลิปปินส์ ทุ่นลอยน้ำที่ติดตั้งไว้เพื่อขัดขวางชาวประมงฟิลิปปินส์จากทะเลสาบภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศ และอื่น ๆ
“ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน”
นักวิชาการด้านกิจการทางทะเลอธิบายว่าการกระทำดังกล่าว ซึ่งเป็นการใช้ความก้าวร้าวโดยไม่ถึงขั้นทำสงคราม เป็นองค์ประกอบหนึ่งของกลยุทธ์พื้นที่สีเทาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พล.ร.จ. เจย์ ทาร์ริเอล่า โฆษกของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ กล่าวในรายการพอดแคสต์ของนายพาวเวลล์เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ในหัวข้อ “เหตุใดจึงต้องใส่ใจอินโดแปซิฟิก” “การมีส่วนร่วมครั้งใหญ่ที่สุดของรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการกำหนดนโยบายและในแง่ของการศึกษา … คือการที่เรากำลังเรียกการกระทำที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยตรง” พล.ร.จ. ทาร์ริเอล่ากล่าว “นี่ไม่ใช่กิจกรรมในพื้นที่สีเทา ไม่ใช่กลยุทธ์ในพื้นที่สีเทา แต่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ”
การเปิดโปงการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงสำหรับรัฐบาลฟิลิปปินส์ และพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ตอบโต้ด้วยการรุกรานที่มากขึ้น นายพาวเวลล์กล่าว อย่างไรก็ตาม จีนก็ถูกกดดันให้เข้าสู่โต๊ะเจรจาหลังจากที่ทั้งโลกได้เห็นกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนใช้กำลังโจมตีเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์อย่างรุนแรงที่สันดอนโทมัสที่สองในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 ข้อตกลงที่เกิดขึ้นทำให้กองทัพฟิลิปปินส์สามารถจัดหาเสบียงให้กับเรือเซียร์รา มาเดร ได้โดยไม่มีการขัดขวางหรือการคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน “จีนตัดสินใจอย่างชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์สูงสุดของตนที่จะลดความขัดแย้งในพื้นที่รอบสันดอนโทมัสที่สอง” นายพาวเวลล์กล่าว ข้อตกลงนี้ “ประสบความสำเร็จอย่างน้อยในระยะสั้นในการคลี่คลายสถานการณ์ และเป็นผลดีต่อฟิลิปปินส์”
ความโปร่งใสเชิงรุกเป็นเพียงหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ใช้ภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ นายพาวเวลล์กล่าวเสริม เป้าหมายของรัฐที่เผชิญกับการรุกรานจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือการยับยั้งและรับมือกับปฏิบัติการบีบบังคับ นายพาวเวลล์และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ กล่าวว่าฟิลิปปินส์มีความก้าวหน้าในเป้าหมายดังกล่าวโดยเสริมสร้างความแข็งแกร่งภายในประเทศและขยายการสนับสนุนจากนานาชาติ
การสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วม
สถานการณ์ในทะเลจีนใต้กลายเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ให้ความสนใจ เนื่องจากการรายงานข่าวผ่านโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อสังคมออนไลน์ที่นำเสนอข้อมูลจากเหตุการณ์จริงและภาพที่สะเทือนอารมณ์ ก่อนที่รัฐบาลจะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ มีชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากที่ไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์การคุกคามที่ชาวประมงหรือเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาชายฝั่งของตนต้องเผชิญ พล.ร.จ. ทาร์ริเอล่ากล่าว และชี้ให้เห็นว่าการสร้างความตระหนักรู้ในสังคมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของโครงการความโปร่งใส
นายพาวเวลล์กล่าวว่าความตระหนักรู้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจ “เมื่อประชาชนมีส่วนร่วม นั่นหมายความว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติก็จะมีส่วนร่วมด้วย และต้องการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างจุดยืนของฟิลิปปินส์ เช่น การเพิ่มงบประมาณให้กับหน่วยงานด้านการเดินเรือ เช่น กองกำลังรักษาชายฝั่งและกองทัพเรือ” นายพาวเวลล์กล่าว ฟิลิปปินส์มีแผนที่จะเพิ่มเรือลาดตระเวนขนาด 97 เมตร จำนวนห้าลำ ให้กับกองเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งภายใน พ.ศ. 2571 และกำลังพิจารณาจัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์และระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง “ทั้งหมดนี้เป็นพัฒนาการเชิงบวกต่อสถานการณ์ด้านความมั่นคงของฟิลิปปินส์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมและการช่วยให้ประชาชนเข้าใจว่าทำไมการเสริมสร้างขีดความสามารถทางทะเลจึงมีความสำคัญ” นายพาวเวลล์กล่าว “สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย เว้นแต่ประชาชนจะมีส่วนร่วม”

ความร่วมมือด้านความมั่นคงแบบพหุภาคี
รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังได้ขยายและกระชับความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น หลายประเทศให้การสนับสนุนฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และพันธมิตรตามสนธิสัญญาอันยาวนานอย่าง สหรัฐฯ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งเจ็ดประเทศ ได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง และระบุว่า “ไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายข้อใดระบุว่าจีนสามารถอ้างสิทธิ์ทางทะเลที่กว้างขวางในทะเลจีนใต้”
ขณะเดียวกัน พันธมิตรและหุ้นส่วนเองก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อความมั่นคงของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ใน พ.ศ. 2567 สหรัฐฯ ให้คำมั่นสนับสนุนงบประมาณที่ไม่เคยมีมาก่อนถึง 1.63 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการพัฒนาและปรับปรุงกองทัพและกองกำลังรักษาชายฝั่งของฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นมอบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อจัดหาเรือลาดตระเวนใหม่ 5 ลำ นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้ตกลงให้กองกำลังของตนสามารถประจำการในดินแดนของกันและกันเพื่อการฝึกซ้อม การฝึกอบรม ตลอดจนภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เกาหลีใต้ให้คำมั่นว่าจะช่วยปรับปรุงกองทัพฟิลิปปินส์ให้ทันสมัย และกระชับความร่วมมือกับกองกำลังรักษาชายฝั่ง ขณะที่ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์ไปถึงขั้นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ แคนาดาจัดหาเทคโนโลยีติดตามด้วยดาวเทียมให้ฟิลิปปินส์เพื่อช่วยตรวจจับเรือ “มืด” หรือเรือที่ปิดระบบระบุตัวตนอัตโนมัติซึ่งเป็นข้อบังคับทางกฎหมาย ในน่านน้ำของตน เวียดนามได้จัดการฝึกซ้อมกองกำลังรักษาชายฝั่งร่วมกับรัฐบาลฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรก ฟิลิปปินส์ยังได้เพิ่มการลาดตระเวนทางทะเลร่วมในทะเลจีนใต้กับออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ “ฟิลิปปินส์ได้รับความสนใจจากประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันมากขึ้น เนื่องจากจุดยืนของตนในทะเลจีนใต้ รวมถึงประเทศอย่างอินเดียและเวียดนามที่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น” นายพาวเวลล์กล่าว
ความร่วมมือพหุภาคีเช่นนี้ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของหุ้นส่วนเพื่อป้องปรามภัยคุกคาม นายลอว์เรนซ์ วอลเซอร์ นายทหารผู้เกษียณอายุราชการจากนาวิกโยธินสหรัฐฯ และอาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยกองทัพเรือ ในเมืองมอนเทอเรย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวกับ ฟอรัม เมื่อรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนโดยไม่มีเหตุยั่วยุใน พ.ศ. 2565 หุ้นส่วนด้านความมั่นคงของรัฐบาลยูเครนยังไม่ได้เน้นย้ำถึงการสนับสนุนที่พวกเขาจะมอบให้ และโลกก็ไม่ได้คาดคิดถึงความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งของยูเครน นายวอลเซอร์กล่าวเสริม “หากรัสเซียรู้ล่วงหน้า พวกเขาจะยังคงบุกหรือไม่” “แม้จะเป็นเพียงสมมติฐาน แต่ก็สามารถโต้แย้งได้ว่าหากรัสเซียเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น พวกเขาอาจคิดหนักว่าจะลงมือหรือไม่”
ความโปร่งใสเชิงรุกช่วยเปิดเผยลักษณะของการรุกรานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในระดับภูมิภาค และกระตุ้นให้เกิด “เครือข่ายพันธมิตร” ดังที่เกิดขึ้นระหว่างออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน นายพาวเวลล์กล่าว ขณะนี้ หลายประเทศตระหนักแล้วว่ายุทธวิธีบีบบังคับของจีนข้ามไปยังพรมแดนต่าง ๆ และแผ่ขยายไปทุกขอบเขต การสกัดกั้นทางอากาศที่ก้าวร้าวมีเป้าหมายเพื่อยึดครองพื้นที่ที่รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างสิทธิ์ การโจมตีทางไซเบอร์และโครงการบิดเบือนข้อมูลมุ่งทำลายความแข็งแกร่งของประเทศคู่แข่ง การบีบบังคับทางเศรษฐกิจมุ่งพยายามกดดันให้ประเทศต่าง ๆ ออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน “ผมคิดว่าฟิลิปปินส์ได้สร้างคุณูปการอย่างมากต่อภูมิภาคนี้ ด้วยการเปิดเผยเรื่องทั้งหมดต่อสาธารณะ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ สามารถเริ่มพัฒนาแนวทางความร่วมมือระดับภูมิภาคได้มากขึ้น” นายพาวเวลล์กล่าว
การใช้งานได้ในทุกขอบเขต
การเปิดโปงกิจกรรมบีบบังคับได้ช่วยยับยั้งปฏิบัติการที่คลุมเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ภาพถ่ายและวิดีโอใน พ.ศ. 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นการสกัดกั้นทางอากาศที่ก้าวร้าวและผิดกฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้กลับมาเปิดการเจรจากับกองทัพปลดปล่อยประชาชนอีกครั้ง การดำเนินการเหล่านี้ร่วมกันส่งผลให้การสกัดกั้นที่เสี่ยงอันตรายโดยกองทัพปลดปล่อยประชาชนต่อเครื่องบินของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมาก ตามรายงานของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ นายพาวเวลล์กล่าวว่า สหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนควรพิจารณาเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในทันที เพื่อเสริมสร้างความพร้อมรับมือและยับยั้งจพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ความโปร่งใสเชิงรุกยังสามารถนำมาใช้ในขอบเขตทางไซเบอร์ได้เช่นกัน เนื่องจากแฮกเกอร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงอิหร่าน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย กำลังมุ่งเป้าหมายไปที่ฝ่ายนิติบัญญัติ บริษัท และประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในต่างประเทศมากขึ้น แม้ว่าสารเหล่านี้จะถ่ายทอดได้ยากกว่า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นายพาวเวลล์กล่าว “ยังมีอีกหลายวิธี โดยเฉพาะการใช้กราฟิก … เพื่อสื่อสารสาระสำคัญไปยังผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจว่าปฏิบัติการของจีนไม่ได้พุ่งเป้าแค่ฟิลิปปินส์ แต่ยังรวมถึงคู่แข่งทั่วโลกของจีน”
แน่นอนว่าความท้าทายในการสร้างความโปร่งใสลักษณะนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หน่วยงานรัฐบาลและกองทัพมักลังเลที่จะเปิดเผยข้อมูลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้อกังวลด้านความมั่นคง ซึ่งยิ่งทำให้ความสำเร็จของฟิลิปปินส์น่าทึ่งมากขึ้น นายพาวเวลล์กล่าว นอกจากนี้ บางประเทศอาจไม่ต้องการรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดโปงพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ อย่างไรก็ตาม ในกรณีกลยุทธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การหลีกเลี่ยงการตอบโต้ไม่ได้ช่วยยับยั้งการกระทำของจีน นายพาวเวลล์กล่าว “คุณอาจเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ แล้วหวังว่าคลื่นจะพัดผ่านไป แต่ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร คลื่นก็ยังคงซัดเข้ามาอยู่ดี” นายพาวเวลล์กล่าวเสริม “การลดความสำคัญของเหตุการณ์เหล่านี้เท่ากับเปิดโอกาสให้จีนตักตวงผลประโยชน์ในเงามืด แทนที่จะให้จีนดำเนินการอย่างเปิดเผยและแสดงความก้าวร้าวต่อหน้าสาธารณชน”