หลักนิยมการป้องกันประเทศแบบหมู่เกาะเป็นรากฐานของอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของฟิลิปปินส์

มาเรีย ที. เรเยส
แนวคิดการป้องกันแบบหมู่เกาะอย่างครอบคลุมที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องของกองทัพฟิลิปปินส์นับเป็นการปรับเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ โดยเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นการปราบปรามการก่อกบฏที่เคยเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุดของกองทัพฟิลิปปินส์มานานหลายทศวรรษ ไปสู่การป้องกันดินแดน
แนวคิดการป้องกันแบบหมู่เกาะอย่างครอบคลุม ซึ่งเปิดตัวเมื่อ พ.ศ. 2567 มีเป้าหมายเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแสดงอำนาจทางทหารเพื่อป้องปรามการบุกรุกที่ไม่พึงประสงค์หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายทั่วทั้งหมู่เกาะฟิลิปปินส์ รวมถึงการคุ้มครองผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายระหว่างประเทศ แนวคิดนี้ประกอบด้วยการฝึกอบรมด้านการป้องกันทางอากาศและทางทะเล การพัฒนาขีดความสามารถในการลาดตระเวนและสอดแนม ตลอดจนการเสริมสร้างศักยภาพอื่น ๆ
ภัยคุกคามจากรัฐบาลจีนเป็นแรงผลักดันสำคัญของโครงการนี้
“สิ่งที่จีนกำลังทำนั้นทำให้ฟิลิปปินส์ หรือพูดให้ถูกคือ บีบบังคับให้ฟิลิปปินส์ต้องลุกขึ้นปกป้องตนเองและยืนยันสิทธิของตนให้จีนเห็น” นายกิลแบร์โต เตโอโดโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าวกับสถาบันฮูเวอร์ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้น พ.ศ. 2568 “สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับฟิลิปปินส์คือการขโมยอำนาจอธิปไตยในเขตเศรษฐกิจพิเศษของตนโดยใช้กำลัง ทั้งที่ฟิลิปปินส์มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการสำรวจและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในเขตนั้น และจีนกำลังกระทำสิ่งนี้ด้วยทั้งทางวาจาและกำลัง”
นอกเหนือจากแนวคิดการป้องกันแบบหมู่เกาะอย่างครอบคลุม สิ่งที่กองทัพฟิลิปปินส์ดำเนินการควบคู่ไปด้วยคือการเริ่มดำเนินการระยะที่สามของโครงการปรับปรุงความทันสมัยให้กับกองทัพ โดยจะจัดสรรงบประมาณ 1.19 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า ตามรายงานของนิตยสารเดอะดิโพลแมตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 มีการวางแผนการพัฒนาโดยเน้นไปที่การตระหนักรู้ในแต่ละขอบเขต ความเชื่อมโยง การสั่งการ การควบคุม การสื่อสาร คอมพิวเตอร์ ข่าวกรอง การตรวจตรา การกำหนดเป้าหมาย และการลาดตระเวน ซึ่งเรียกรวมกันว่า ซี 4 ไอสตาร์ การปรับปรุงขีดความสามารถในการสกัดกั้นพื้นที่ รวมถึงการป้องปรามทางทะเลและทางอากาศ แสดงให้เห็นถึงการมุ่งเน้นในการเสริมสร้างการป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก
การปรับยุทธศาสตร์ของกองทัพฟิลิปปินส์ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด โดยภารกิจต่อต้านการกบฏลดลงเหลือเพียงร้อยละ 20 ของภารกิจทั้งหมด และมีการมุ่งเน้นมากขึ้นไปที่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้น นายโจชัว เบอร์นาร์ด เอสเปญา อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคแห่งฟิลิปปินส์ กล่าวกับ ฟอรัม
นายเอสเปญากล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของแนวคิดการป้องกันแบบหมู่เกาะอย่างครอบคลุมรวมถึงการเสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกันกับกองกำลังพันธมิตรผ่านการฝึกอบรม การปรับหลักนิยมทางทหารให้สอดคล้องกัน และการแบ่งปันข่าวกรอง รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและการปฏิบัติการร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องปราม

ภาพจาก: จ.อ. ฮาเลลา เวกา/กองทัพบกสหรัฐฯ
เช่น ในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ได้เริ่มการฝึกซาลักนิบประจำปีในฟิลิปปินส์ การฝึกซ้อมเหล่านี้ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการรบและเสริมความมุ่งมั่นในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของชุดการฝึกอบรมที่รวมถึงการฝึกพหุภาคีบาลิกาตันซึ่งจัดขึ้นในฟิลิปปินส์
ในเดือนเดียวกัน นายพีต เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ประกาศว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งขีดความสามารถขั้นสูงเพิ่มเติมมาให้กับฟิลิปปินส์ผู้เป็นพันธมิตรที่ยาวนานนี้ รวมถึงระบบขีปนาวุธต่อต้านเรือและยานผิวน้ำไร้คนขับ เพื่อนำมาใช้ในระหว่างการฝึกบาลิกาตัน
ความร่วมมือกับหุ้นส่วนด้านความมั่นคงสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของฟิลิปปินส์ และการปรับเป้าหมายในภูมิภาคให้สอดคล้องกับเป้าหมายของพันธมิตรอย่างออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ นายเอสเปญากล่าว
และยังบอกว่า ระบบโลจิสติกส์จะเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในแนวคิดการป้องกันแบบหมู่เกาะอย่างครอบคลุม
“การปกป้องหมู่เกาะที่มีแนวชายฝั่งอันกว้างใหญ่ จุดยุทธศาสตร์มากมาย เขตเศรษฐกิจพิเศษที่อันตราย และเพื่อนบ้านที่ไม่น่าไว้วางใจ เป็นภารกิจที่จริงจัง ดังนั้น โลจิสติกส์จึงเป็นตัวกำหนดโอกาส” นายเอสเปญากล่าว “ในจุดนี้ การพัฒนาอุตสาหกรรมกลาโหมภายในประเทศให้เข้มแข็งเป็นสิ่งสำคัญ … ฟิลิปปินส์ต้องแสดงจุดยืนอย่างตรงไปตรงมากับพันธมิตรที่มีอุดมการณ์เดียวกันว่าตนมีความชัดเจนในสิ่งที่ตั้งใจจะดำเนินการเพื่อป้องปรามจีน และต้องสื่อสารให้ชัดเจนถึงสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการเชื่อมโยงฐานทรัพยากรและฐานอุตสาหกรรมเข้าสู่การป้องปรามร่วมกันในระยะยาว
มาเรีย ที. เรเยส เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์