ความร่วมมือเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนพันธมิตรและหุ้นส่วนในอินโดแปซิฟิก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม รายงานข่าวภายนอก

นายพีต เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ในระหว่างการเดินทางไปยังอินโดแปซิฟิกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง นายเฮกเซธกล่าวว่าสหรัฐฯ จะ “ให้ความสำคัญและให้ความสนใจกับภูมิภาคนี้ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

“วันนี้เป็นฟิลิปปินส์ พรุ่งนี้คือญี่ปุ่น” นายเฮกเซธกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงมะนิลาในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 “ต่อไปจะเป็นออสเตรเลียและเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในส่วนนี้ของโลก ที่เราจะร่วมมือกันในการสร้างการยับยั้งเพื่อป้องกันสงคราม”

สี่ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกนี้ รวมถึงนิวซีแลนด์และไทย มีสนธิสัญญาด้านกลาโหมกับสหรัฐฯ

นายพีต เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 นายเฮกเซธกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความร่วมมือสองฝ่ายระหว่างประเทศ” “นี่คือความร่วมมือสามฝ่าย ความร่วมมือหลายฝ่าย ยิ่งเรามีพันธมิตรมากเท่าไร ยิ่งดี ยิ่งความร่วมมือด้านความมั่นคงมากเท่าไร ยิ่งดี ยิ่งความสามารถในการทำงานร่วมกันมากเท่าไร ยิ่งดี ยิ่งมีเหตุการณ์ฉุกเฉินมากเท่าไร ยิ่งดี ยิ่งทำให้ศัตรูของเราเผชิญกับปัญหาทางยุทธศาสตร์มากเท่าไร ยิ่งดี ดังนั้นเราจึงมาอยู่จุดนี้ที่ฟิลิปปินส์เพื่อกระชับความร่วมมือนี้ เราจะอยู่ที่ญี่ปุ่นเพื่อทำเช่นเดียวกัน ผมเชื่อว่าในขณะที่เราพูดคุยกันอยู่ ประเทศทั้งสามกำลังเดินเรือร่วมกันในภูมิภาคนี้ เราจึงมีความร่วมมือด้านความมั่นคงกับกองทัพเรือของเราในทะเลที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของความร่วมมืออย่างชัดเจน”
วิดีโอจาก: กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

นายเฮกเซธกล่าวว่าสหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงเพิ่มเติมแก่กรุงมะนิลา นอกเหนือจากเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ได้ให้คำมั่นไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยในการพัฒนากองทัพฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ ยังจะติดตั้งระบบขีปนาวุธต่อต้านเรือที่เรียกว่า ระบบขัดขวางเรือของกองทัพเรือ และยานพาหนะทางทะเลไร้คนขับสำหรับการฝึกทหารระดับพหุภาคีในอนาคต บาลิกาตัน ซึ่งจะจัดขึ้นโดยฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ

นายเฮกเซธได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่น “ที่แน่วแน่” ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อสนธิสัญญาด้านกลาโหมกับฟิลิปปินส์ และให้คำมั่นว่าจะส่งมอบความสามารถที่ก้าวหน้าเพื่อเสริมสร้างการป้องปรามภัยคุกคาม รวมถึงการรุกรานจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายเฮกเซธย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการสงคราม แต่จะ “บรรลุสันติภาพผ่านความแข็งแกร่ง” การประชุมของนายเฮกเซธกับเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการรักษาสันติภาพในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก รวมถึงทะเลจีนใต้

“ผมขอประกาศอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่เรากำลังดำเนินการในกิจกรรมทั้งฝ่ายเดียวและสองฝ่ายไม่ใช่แค่ความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาหรือฟิลิปปินส์เท่านั้น” นายกิลแบร์โต เตโอโดโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าว ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ “เรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามร่วมกัน ซึ่งก็คือการแทรกแซงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน”

ในกรุงโตเกียว นายเฮกเซธกล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็น “หุ้นส่วนที่สำคัญยิ่ง” ในการยับยั้งความก้าวร้าวที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลจีน และได้ประกาศปรับปรุงการบังคับบัญชาทางทหารของสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นให้เป็น “สำนักงานใหญ่สำหรับการทำสงคราม” ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

นายเฮกเซธกระตุ้นให้รัฐบาลฟิลิปปินส์และรัฐบาลญี่ปุ่นเร่งเสริมสร้างความสามารถด้านกลาโหมของตน ท่ามกลางกิจกรรมทางทหารที่ก้าวร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในทะเลจีนใต้และบริเวณใกล้กับไต้หวันที่ปกครองตนเอง

“ญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญยิ่งของเราในการยับยั้งการรุกรานทางทหารของจีนคอมมิวนิสต์” นายเฮกเซธกล่าวในช่วงเริ่มการสนทนากับนายเก็น นากาทานิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียว ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส “อย่างที่ทุกคนทราบ สหรัฐฯ กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อฟื้นฟูการป้องปรามในภูมิภาคนี้และทั่วโลก”

นายพีต เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และนายเก็น นากาทานิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น พบปะกันในกรุงโตเกียวในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568
ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้ตกลงที่จะเร่งแผนการร่วมพัฒนาขีปนาวุธ เช่น ขีปนาวุธทางอากาศพิสัยกลางขั้นสูง และพิจารณาการผลิตขีปนาวุธภาคพื้นดินสู่อากาศ เอสเอ็ม-6 นายนากาทานิกล่าว ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะทำให้การบำรุงรักษาเครื่องบินและเรือของสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นมีความสะดวกมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนอุตสาหกรรมกลาโหมของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดตัวกองบัญชาการปฏิบัติการร่วมของญี่ปุ่นเพื่อประสานงานระหว่างกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ ทางบก และทางทะเลของญี่ปุ่น รวมถึงเสริมสร้างขีดความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและเพิ่มความร่วมมือกับสหรัฐฯ

นายเฮกเซธกล่าวว่ากองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นจะกลายเป็นสำนักงานใหญ่ของกองกำลังร่วมเพื่อประสานงานกับกองบัญชาการปฏิบัติการร่วมของญี่ปุ่น และเพิ่มความเร็วและความสามารถในการดำเนินการร่วมกัน ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ต้องทำงานเพื่อสันติภาพ แต่ “เราต้องเตรียมพร้อม” สำหรับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น นายเฮกเซธกล่าว

นายเฮกเซธและนายนากาทานิกล่าวว่าทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันในความจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างการป้องกันในเกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่มีข้อพิพาทในทะเลจีนตะวันออกและใกล้กับไต้หวัน เพื่อเสริมสร้างการป้องปรามการคุกคามจากจีน

นายเฮกเซธย้ำถึงความจำเป็นในการมี “การป้องปรามที่ยั่งยืน แข็งแกร่ง พร้อมรับมือและน่าเชื่อถือ” ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก รวมถึงในช่องแคบไต้หวัน เพราะ “ญี่ปุ่นจะอยู่แนวหน้าในทุกเหตุการณ์ที่เราอาจเผชิญในแปซิฟิกตะวันตก”

การเดินทางของนายเฮกเซธในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ และสะท้อนถึงคำมั่นของประเทศในการรักษาความมั่นคงของภูมิภาคและการรักษาความร่วมมือที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะในสภาวะที่ภัยคุกคามจากจีน เกาหลีเหนือ และรัสเซียเพิ่มขึ้น

การเดินทางครั้งนี้ “สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของทั้งสองประเทศในการร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสันติภาพ” นายเตโอโดโรกล่าว

รายงานนี้ใช้ข้อมูลจากสำนักข่าวดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button