รัฐบาลเกาหลีใต้ระดมมาตรการป้องกันทางไซเบอร์ระดับชาติเพื่อรับมือการโจมตีด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่พุ่งสูงขึ้น

ฟีลิกซ์ คิม
เกาหลีใต้ได้เปิดตัวโครงการหลายภาคส่วนเพื่อรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแฮ็กเกอร์ซึ่งเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือที่หันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์
รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังดำเนินกลยุทธ์ที่ระบุไว้ในยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติและแผนพื้นฐานความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติ ซึ่งได้ประกาศใช้งานเมื่อ พ.ศ. 2567 เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ระบบการเงิน และความมั่นคงของประเทศจากภัยคุกคามทางดิจิทัลที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“การแพร่หลายของการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ได้เปลี่ยนแนวทางด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของเกาหลีใต้ไปอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เชิงรุกและครอบคลุม แทนที่จะใช้มาตรการตอบโต้เพียงอย่างเดียว” ดร. แทยอน ออม นักวิจัยจากมูลนิธิเอเชียแปซิฟิกแห่งแคนาดา กล่าวกับ ฟอรัม “ความซับซ้อนและความถี่ที่เพิ่มขึ้นของปฏิบัติการไซเบอร์โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับการสนับสนุนโดยเกาหลีเหนือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในมุมมองที่มีต่อภัยคุกคาม”
กรอบยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางไซเบอร์ทั้งสองฉบับได้รับการจัดทำขึ้นหลังจากที่จำนวนการโจมตีพุ่งสูงขึ้น โดยใน พ.ศ. 2566 มีจำนวนเฉลี่ยสูงถึง 1.62 ล้านครั้งต่อวัน และประมาณร้อยละ 80 ของการโจมตีเหล่านี้มีต้นตอจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ตามรายงานของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ ผู้ผลิตเรือ ผู้ผลิตอากาศยานไร้คนขับ และและสถาบันด้านการเกษตรเป็นหนึ่งในผู้ตกเป็นเป้าหมาย
ในระดับโลก แฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือถูกสงสัยว่าขโมยสกุลเงินดิจิทัลเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1.02 แสนล้านบาท (ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 ถึง พ.ศ. 2566 ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับการนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงที่ผิดกฎหมายของรัฐบาล ตามรายงานขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น
“ในระดับรัฐบาล กลไกป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นความสามารถในการระบุ คาดการณ์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างรวดเร็ว” ดร. ออมกล่าว
และยังกล่าวว่ากองบัญชาการปฏิบัติการไซเบอร์ของรัฐบาลเกาหลีใต้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการตรวจจับ ประเมิน และยับยั้งภัยคุกคามด้วย ขณะที่บริษัทด้านความมั่นคงไซเบอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนและลงทุนจากรัฐบาล ก็ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อพัฒนาระบบตรวจจับความผิดปกติ วิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม และเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองตามเวลาจริง
โครงการสำคัญภายใต้แผนพื้นฐานความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติมุ่งเน้นไปที่การเสริมความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับสถาบันการศึกษา และการปรับปรุงกรอบกฎหมายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับบทบาทของบุคคล ภาคธุรกิจ และรัฐบาล
ดร. ออมกล่าวว่า กองบัญชาการปฏิบัติการไซเบอร์และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติร่วมมือกับภาคเอกชนในการต่อต้านการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัล มาตรการต่าง ๆ ที่ใช้งานนั้นรวมถึงการติดตามธุรกรรมตามเวลาจริงและการตรวจสอบย้อนกลับเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานระบบแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในเกาหลีใต้จะต้องยืนยันตัวตนด้วย
ดร. ออมอ้างถึงโครงการหุ้นส่วนไซเบอร์ภายใต้การนำของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยภายใต้โครงการนี้ ผู้รับเหมาด้านกลาโหมได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีและธุรกิจเกิดใหม่ด้านปัญญาประดิษฐ์ “เพื่อพัฒนาระบบป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ เช่น อัลกอริทึมตรวจจับภัยคุกคามอัตโนมัติ ระบบไร้คนควบคุม และแพลตฟอร์มการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ขั้นสูง” ดร. ออมกล่าว
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 สมัชชาแห่งชาติเกาหลีใต้ได้ผ่านกฎหมายหลักพื้นฐานว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างสมดุลระหว่างการกำกับดูแลกับนวัตกรรม โดยกฎหมายฉบับนี้ส่งเสริมการกำกับดูแลตนเองเพื่อรับรองถึงความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของปัญญาประดิษฐ์ พร้อมทั้งบังคับใช้มาตรการความโปร่งใสเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด เช่น ดีปเฟก ตามรายงานของเว็บไซต์วิเคราะห์Law.Asia
เมื่อต้น พ.ศ. 2568 หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของเกาหลีใต้ถอดแชทบอทปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีนที่ชื่อดีปซีคออกจากร้านค้าแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวทางการเก็บข้อมูลที่น่าสงสัย ตามรายงานของเว็บไซต์แบงก์อินโฟซิคิวริตี ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ
โครงการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของรัฐบาลเกาหลีใต้สอดคล้องกับความพยายามของพันธมิตรและหุ้นส่วนในภูมิภาค เช่น กองบัญชาการดิจิทัลและข่าวกรองของกองทัพสิงคโปร์ และสำนักงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของสิงคโปร์ได้จัดการฝึกป้องกันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญครั้งที่สามในช่วงปลาย พ.ศ. 2567
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 รัฐบาลเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพการฝึกไซเบอร์มาร์เวล ซึ่งนำโดยสหราชอาณาจักร โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์จาก 26 ประเทศร่วมป้องกันการโจมตีจำลอง นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ยังให้ทุนสนับสนุนปฏิบัติการขององค์การตำรวจสากลใน พ.ศ. 2567 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาประมาณ 5,500 คน และการยึดสกุลเงินดิจิทัลและสกุลเงินอื่น ๆ มูลค่ารวมกว่า 1.36 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ดร. ออมกล่าว
ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้