ยุทธศาสตร์ในการปฏิเสธ
กองทัพเรือในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมีบทบาทสำคัญในการกำหนดสมดุลอำนาจในภูมิภาค

ดงกึน ลี/กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี
ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก กองทัพเรือมีบทบาทสำคัญในการกำหนดสมดุลอำนาจที่ทำให้เกิดผลกระทบในการป้องปราม บทบาทและยุทธศาสตร์ของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นและกองทัพเรือออสเตรเลียมีความสำคัญ ต่อการป้องปรามนี้
เมื่อเรานึกถึงอำนาจในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภาพที่เด่นชัดคือกองทัพปะทะกันในสมรภูมิ รถถังเคลื่อนที่ข้ามพรมแดน และทหารที่ตั้งรับตามแนวหน้าของสงคราม ทว่าในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกซึ่งโดดเด่นเรื่องความกว้างใหญ่ของมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย อำนาจไม่ได้มาจากกองทัพภาคพื้นดิน ในทางกลับกัน กองทัพเรือของบรรดาประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคดังกล่าวได้กลายเป็นผู้กำหนดสมดุลอำนาจ การที่ประเทศเหล่านี้แย่งชิงอิทธิพลและความมั่นคงยิ่งทำให้เห็นชัดว่าแนวคิดแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นอำนาจจากกองทัพภาคพื้นดินไม่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด ในภูมิภาค อินโดแปซิฟิก อำนาจทางทะเลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมทิศทาง และยุทธศาสตร์ทางทะเลช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
แนวคิดเรื่องสมดุลอำนาจไม่ใช่แค่ศัพท์ทางวิชาการ แต่คือความเป็นจริงที่ช่วยรักษาสันติภาพในหลายพื้นที่ของโลก เมื่อรัฐตระหนักว่ากำลังทหารค่อนข้างมีความสมดุลกัน จึงมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการทำสงคราม เนื่องจากผลลัพธ์นั้นไม่แน่นอน และค่าใช้จ่ายอาจสูงเกินคาด ในภูมิภาคอย่างยุโรป สมดุลนี้ได้รับการรักษาไว้โดยกองทัพที่ประจำการตามแนวชายแดนและพร้อมปกป้องอาณาเขต ทั้งนี้ภูมิศาสตร์ทางทะเลที่โดนเด่นของภูมิภาคอินโดแปซิฟิกทำให้ไม่สามารถใช้การป้องปรามภาคพื้นดินได้ ด้วยเหตุนี้ กองทัพเรือของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้จึงสร้างและรักษาสมดุลอำนาจที่ช่วยป้องปรามการรุกรานและคงไว้ซึ่งเสถียรภาพ

อย่างไรก็ตาม การป้องปรามทางทะเลมีความซับซ้อนมากกว่าการป้องกันทางภาคพื้นดิน สำหรับภาคพื้นดิน เป้าหมายนั้นค่อนข้างชัดเจน นั่นคือการรักษาอาณาเขตไว้ หรือแย่งชิงอาณาเขตของฝ่ายตรงข้าม ในท้องทะเล กฎกลับแตกต่างออกไป มหาสมุทรไม่สามารถยึดครองหรือควบคุมได้เหมือนกับพื้นที่ภาคพื้นดิน กองเรือไม่สามารถรักษาการแสดงตนในพื้นที่ทางทะเลอันกว้างขวางได้ตลอดเวลา และต้องกลับมายังท่าเรือเพื่อเติมเสบียงและพักผ่อน ทำให้การควบคุมทางทะเลเป็นไปไม่ได้ ซึ่งต่างจากการยึดครองพื้นที่ภาคพื้นดิน ด้วยเหตุนี้ ยุทธศาสตร์ทางทะเลจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น อำนาจทางทะเลไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเรือเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการใช้งานเรือ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่เข้าประจำการ ภารกิจที่ทำ หรือการสนับสนุนที่ได้รับ
ความซับซ้อนทางยุทธศาสตร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งความกว้างใหญ่ของมหาสมุทรและความสำคัญของเส้นทางการค้าทางทะเลหลักทำให้อำนาจทางทะเลกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความมั่นคงในภูมิภาค ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกประกอบไปด้วยสองมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเชื่อมโยงกับศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดบางแห่งของโลก ภูมิภาคนี้มีขนาดใหญ่จนทำให้กองทัพเรือเพียงกองทัพเดียวไม่สามารถครอบครองพื้นที่ทั้งหมดได้ในเวลาเดียวกัน ในทางกลับกัน กองทัพเรือต้องเลือกสถานที่ประจำการอย่างรอบคอบ โดยมุ่งเน้นไปยังพื้นที่สำคัญที่สามารถแสดงอิทธิพลได้เต็มที่มากที่สุด
แม้ว่ากองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นและกองทัพเรือออสเตรเลียจะไม่ใช่กองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดสมดุลอำนาจในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ออสเตรเลียและญี่ปุ่นได้พัฒนายุทธศาสตร์ทางทะเลที่สะท้อนถึงความเป็นจริงทางภูมิศาสตร์ ผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ และความสัมพันธ์กับมหาอำนาจในภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะกัพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติของออสเตรเลีย พ.ศ. 2567 ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลออสเตรเลียเข้าใจดีถึงขีดความสามารถทางทะเลที่กำลังเติบโตขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมีความทะเยอทะยานในการขยายกำลังทางทะเลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีช่องโหว่ด้านขีดความสามารถที่สำคัญ ออสเตรเลียจึงเลือกใช้ยุทธศาสตร์ที่เรียกว่ายุทธศาสตร์ในการปฏิเสธอย่างชาญฉลาด ออสเตรเลียเลือกที่จะไม่พยายามเทียบเคียงกำลังทางเรือกับเรือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทีละลำ แต่กลับมุ่งเน้นไปยังการป้องกันไม่ให้รัฐบาลจีนควบคุมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของออสเตรเลีย
ยุทธศาสตร์นี้สามารถเห็นได้จากปฏิบัติการที่เพิ่มขึ้นของกองทัพเรือออสเตรเลียในพื้นที่เหล่านี้ รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพการฝึกซ้อมขนาดใหญ่ เช่น ทาลิสมันเซเบอร์ ซึ่งนำกำลังจากออสเตรเลีย สหรัฐฯ และหุ้นส่วนในภูมิภาคอื่น ๆ มารวมกัน การฝึกซ้อมเหล่านี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของออสเตรเลียในการปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของตน แต่ยังเป็นสัญญาณไปถึงประเทศที่อาจเป็นศัตรูว่า การพยายามครอบงำพื้นที่ทางน้ำเหล่านี้จะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างดุเดือด กองทัพเรือออสเตรเลียกำลังลงทุนในขีดความสามารถใหม่ ๆ เช่น การจัดซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์และติดอาวุธตามหลักดั้งเดิม ผ่านความร่วมมืออูกัสกับสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ เรือดำน้ำเหล่านี้สามารถดำเนินการได้เป็นเวลานานโดยไม่จำเป็นต้องโผล่ขึ้นจากผิวน้ำ ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถของออสเตรเลียในการดำเนินยุทธศาสตร์ในการปฏิเสธอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาการแสดงตนที่หลีกเร้นและต่อเนื่องในพื้นที่ทางทะเลที่สำคัญ
แม้จะคล้ายคลึงกัน แต่แนวทางของญี่ปุ่นก็ได้รับการกำหนดมาให้เหมาะสมกับความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจงของประเทศ กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการปฏิเสธอิทธิพลของจีนในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งไม่เพียงมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อบูรณภาพแห่งดินแดนด้วย ทะเลจีนตะวันออกเป็นที่ตั้งของหมู่เกาะเซ็งกะกุที่อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่นและจพรรคคอมมิวนิสต์จีนปะทุมานานหลายปี ในขณะเดียวกัน ทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการนำเข้าพลังงานของญี่ปุ่น โดยมีการขนส่งน้ำมันประมาณร้อยละ 80 ผ่านน่านน้ำนี้
กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นได้เพิ่มความถี่และขนาดของการฝึกซ้อมทางทะเลอย่างมีนัยสำคัญ โดยมักร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถในปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพในน่านน้ำที่มีความขัดแย้ง เช่น การฝึกซ้อมทางทะเล คีนซอร์ด ซึ่งจัดขึ้นทุกสองปีระหว่างกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นและกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้จัดขึ้นในทะเลจีนตะวันออก เพื่อส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลจีนว่า ญี่ปุ่นยืนยันที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตน การประจำการประจำปีของญี่ปุ่นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคทางยุทธศาสตร์อื่น ๆ ยิ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นในการรักษาการแสดงตนในพื้นที่ทางทะเลที่สำคัญ

การให้ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นและกองทัพเรือออสเตรเลียแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของกองทัพเรือในการรักษาสมดุลอำนาจในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ในภูมิภาคนี้ ซึ่งมหาสมุทรแบ่งแยกรัฐต่าง ๆ และเชื่อมโยงเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน อำนาจทางทะเลคือวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแสดงอิทธิพลและป้องปรามความขัดแย้ง ความเปิดกว้างและความกว้างใหญ่ของขอบเขตทางทะเลทำให้ยากต่อการที่กองทัพเรือใดกองทัพเรือหนึ่งสามารถครอบงำได้ ดังนั้น ความสามารถในการปฏิเสธการควบคุมจากศัตรูจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความมั่นคงในภูมิภาค
เมื่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้กลายเป็นเวทีหลักของการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระดับโลก สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าสมดุลอำนาจไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนหรืออำนาจทางกายภาพเพียงอย่างเดียว ในทางกลับกัน สมดุลอำนาจคือเรื่องของยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดสรรทรัพยากรกองทัพเรือเพื่อควบคุมหรือปฏิเสธการควบคุมในพื้นที่ทางทะเลที่สำคัญ กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นและกองทัพเรือออสเตรเลียมีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ผ่านยุทธศาสตร์การปฏิเสธการควบคุมที่ได้รับการวางแผนมาอย่างรอบคอบ การ กระทำเหล่านี้เน้นย้ำว่า ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก สมดุลอำนาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับกองทัพบก แต่ขึ้นอยู่กับกองทัพเรือ
บทความนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยสถาบันกิจการระหว่างประเทศของออสเตรเลียในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 บทความนี้มีการเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อให้เหมาะสมกับการนำเสนอของ ฟอรัม