ฟิลิปปินส์เตรียมเสริมความแข็งแกร่งให้กับคลังแสงของตนด้วยเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 จำนวน 20 ลำ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

ท่ามกลางการรุกรานที่ทวีความรุนแรงขึ้น กองทัพฟิลิปปินส์ได้มุ่งความสำคัญไปยังการเสริมความแข็งแกร่งด้วยเครื่องบินขับไล่ลำใหม่และสินทรัพย์ทางทหารที่สำคัญ

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 องค์การความร่วมมือด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ประกาศการอนุมัติจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สำหรับการส่งเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 จำนวน 20 ลำให้แก่ประเทศพันธมิตรเก่าแก่ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ข้อตกลงมูลค่า 1.85 แสนล้านบาท (ประมาณ 5.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นี้ประกอบด้วยระบบเอวิโอนิกส์ขั้นสูง ระบบเรดาร์ ขีปนาวุธทางอากาศ ระเบิด ตลอดจนปืนและกระสุนต่อต้านอากาศยาน

องค์การความร่วมมือด้านความมั่นคงระบุว่า “ข้อเสนอการขายจะช่วยยกระดับความสามารถให้กับกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ ในการปฏิบัติภารกิจด้านขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลและการสนับสนุนทางอากาศแบบใกล้ชิด รวมถึงยกระดับขีดความสามารถในการป้องปรามการป้องกันทางอากาศของศัตรูและการแทรกแซงทางอากาศ” “ข้อเสนอการขายครั้งนี้ยังจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพฟิลิปปินส์ในการปกป้องผลประโยชน์ที่สำคัญและอาณาเขต รวมถึงขยายความสามารถในการทำงานร่วมกันกับกองกำลังของสหรัฐฯ ด้วย”

พฤติกรรมก้าวร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในทะเลจีนใต้ ไม่ว่าจะเป็นการพุ่งชน ขัดขวาง และยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่เรือส่งเสบียงและเรือประมงของฟิลิปปินส์ ได้ส่งผลให้ความตึงเครียดในเส้นทางการค้าระดับโลกที่อุดมด้วยทรัพยากรแห่งนี้ทวีความรุนแรงขึ้น รัฐบาลจีนยังคงอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ในทะเลเกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ รวมถึงพื้นที่ที่อยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศอื่นที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และยังคงเพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเมื่อ พ.ศ. 2559 ที่ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าวของจีน

การจัดซื้อเครื่องบิน เอฟ-16 ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของฟิลิปปินส์ นายโจนาธาน มาลายา กล่าวหลังจากการประกาศขององค์การความร่วมมือด้านความมั่นคง

เครื่องบินขับไล่ที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 2,410 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยยกระดับฝูงบินของฟิลิปปินส์ที่ปัจจุบันประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ เอฟเอ-50 ที่ผลิตในเกาหลีใต้จำนวน 12 ลำ

นับเป็นการจัดซื้ออาวุธที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่จะใช้งบประมาณ 1.19 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 10 ปีข้างหน้าเพื่อยกระดับกองทัพของประเทศ ตามรายงานของนิตยสารนิวส์วีคในเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 เครื่องบิน เอฟ-16 ชุดแรกอาจส่งมาถึงฟิลิปปินส์ภายใน พ.ศ. 2569 ตามข้อมูลของนายโฮเซ มานูเอล โรมูอัลเดซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐฯ

เครื่องบินขับไล่ในจำนวนนี้มี 4 ลำที่เป็นรุ่นสองที่นั่งเพื่อใช้ในการฝึกบิน

ข้อตกลงซื้อขายนี้ได้รับการอนุมัติหลังจากนายพีต เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เดินทางเยือนฟิลิปปินส์ โดยเขาได้กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยกระดับ “พันธมิตรอันแน่นแฟ้น” กับรัฐบาลฟิลิปปินส์เพื่อช่วยรับมือกับ “การรุกรานของจีน” ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

สนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันเมื่อ พ.ศ. 2494 เป็นรากฐานของความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสองประเทศ

ขณะเดียวกัน เรือรบลำใหม่ของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ บีอาร์พี มิเกล มัลวาร์ ได้เดินทางถึงฐานปฏิบัติการทางเรือซูบิกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 โดยนี่ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับปรุงความทันสมัยท่ามกลาง “สถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง” ตามที่กองทัพฟิลิปปินส์ระบุ เรือคอร์เวตติดขีปนาวุธที่สร้างโดยเกาหลีใต้ลำนี้มีเรือคู่แฝดคือ บีอาร์พี ดีเอโก ซิลัง ซึ่งมีกำหนดเดินทางถึงฟิลิปปินส์ภายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 ตามรายงานของนิตยสารนิวส์วีค