ผู้บัญชาการกองบัญชาการอวกาศสหรัฐฯ ระบุว่า อาวุธอวกาศคือกุญแจสำคัญในการรักษาการยับยั้งไว้

เจ้าหน้าที่ เซนทรี

ผู้บัญชาการกองบัญชาการอวกาศสหรัฐอเมริการะบุว่า อาวุธอวกาศมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและการยับยั้งภัยคุกคาม ในขณะที่ประเทศคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์กำลังพัฒนาขีดความสามารถของตนเองอย่างต่อเนื่อง

“คู่แข่งของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ได้เร่งการพัฒนาอาวุธอวกาศทั้งที่อยู่บนโลกและในวงโคจร ขยายเครือข่ายการโจมตีที่อาศัยระบบอวกาศ และกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในระดับที่น่าตกตะลึง” พล.อ. สตีเฟน ไวทิง กล่าวในการประชุมสัมมนาด้านอวกาศที่รัฐโคโลราโด ซึ่งเป็นการประชุมสัมมนาด้านอวกาศในเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 การประชุมสัมมนาประจำปีนี้มีผู้นำจากภาครัฐและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้าร่วมเพื่อหารือเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านอวกาศ

พล.อ. ไวทิงกล่าวว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องมีอาวุธอวกาศเพื่อยับยั้งความขัดแย้งด้วยการป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบ “ไม่เคยมีสงครามในอวกาศมาก่อน และเราก็ไม่ต้องการให้เกิดสงครามในอวกาศหรือให้สงครามลุกลามเข้าสู่อวกาศ และสงครามในอวกาศไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” พล.อ. ไวทิงกล่าว อย่างไรก็ตาม “ขณะนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า อวกาศคือขอบเขตการสู้รบ”

ผู้นำสหรัฐฯ ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการพัฒนาอาวุธอวกาศ อย่างไรก็ตาม การสะสมอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรายงานที่ระบุว่ารัสเซียกำลังพัฒนาดาวเทียมที่สามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้ ได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์โดยสิ้นเชิง

“เมื่อคู่แข่งของเรายกระดับขึ้น พวกเราก็ต้องยกระดับด้วยเช่นกัน” พล.อ. ไวทิงกล่าว “เราคือกองบัญชาการรบ และเช่นเดียวกับกองบัญชาการรบอื่น ๆ เราต้องมีความเหนือชั้นทั้งในการสู้รบและการชนะสงคราม”

โดยทั่วไป อาวุธอวกาศแบ่งออกเป็นสามหมวดหมู่ ได้แก่ จากโลกสู่อวกาศ จากอวกาศสู่อวกาศ และจากอวกาศสู่โลก ระบบอาวุธเหล่านี้อาจมีทั้งรูปแบบการทำลายทางกายภาพ เช่น ขีปนาวุธและกระสุน และขีดความสามารถการทำลายแบบไม่ใช้แรงกายภาพ เช่น รังสีหรือพลังงานไฟฟ้า ศูนย์ควบคุมอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธระบุว่า จีน อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐฯ ต่างเคยทดสอบอาวุธจากโลกสู่อวกาศแล้ว

พล.อ. ไวทิงกล่าวถึงองค์ประกอบสำคัญ 5 ประการในการเอาชนะสงครามในอวกาศ ซึ่งอิงจาก “บทเรียนที่ได้จากขอบเขตการสู้รบอื่น ๆ รวมถึงแนวคิดที่ดีที่สุดจากการฝึกซ้อมร่วมของกองกำลัง ตลอดจนการสร้างแบบจำลองและสถานการณ์จำลอง” ซึ่งได้แก่

• ปฏิบัติการหลังการโจมตีก่อน
• การเปลี่ยนผ่านจากภาวะวิกฤตสู่ความขัดแย้ง
• ประสานและผนวกรวมขีดความสามารถของกองกำลังร่วม ภาคเอกชน พันธมิตร และหุ้นส่วน
• คงไว้และเสริมขีดความสามารถด้านอวกาศให้เกินระยะเริ่มต้นของความขัดแย้ง
• ชิงความสามารถที่เหนือกว่าในอวกาศ

“ครั้งหนึ่งอาวุธในอวกาศเคยเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ปัจจุบัน สิ่งสกัดกั้นในอวกาศกลับเป็นองค์ประกอบสำคัญของชัยชนะ” พล.อ. ไวทิงกล่าวตามบันทึกคำปราศรัยหลัก “การรบที่เหนือกว่าในอวกาศต้องอาศัยขีดความสามารถ การยิง และอาวุธที่น่าเชื่อถือ ได้รับการยอมรับ และมีพลังในการทำลายทั้งแบบใช้แรงกายภาพและไม่ใช้แรงกายภาพ”

สหรัฐฯ กำลังดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถต่าง ๆ รวมถึงดาวเทียมที่สามารถเคลื่อนที่ได้ เครื่องมือสอดแนมขั้นสูง และระบบป้องกันและโจมตีในวงโคจร

หนึ่งในความพยายามที่สำคัญคือการพัฒนาความสามารถในการเคลื่อนที่ในอวกาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงขีดความสามารถในการเคลื่อนย้ายดาวเทียมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญเสียเชื้อเพลิงหรือเวลาภารกิจ เพื่อรักษาความได้เปรียบในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หน่วยนวัตกรรมของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ ที่ชื่อว่าสเปซเวิร์กซ์ ได้เปิดตัวโครงการร่วมกับกองบัญชาการอวกาศสหรัฐฯ เพื่อจัดหาเทคโนโลยีและขีดความสามารถเพื่อรองรับความสามารถในการเคลื่อนที่ในอวกาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติการในวงโคจร การรับรู้ขอบเขตอวกาศ การเติมเชื้อเพลิง การสนับสนุนภารกิจบรรทุก และการเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนที่ ความร่วมมือนี้จะมอบเงินสนับสนุนแก่บริษัท 10 แห่ง รายละ 68 ล้านบาท (ประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในช่วง 15 เดือนข้างหน้าเพื่อพัฒนาขีดความสามารถดังกล่าว พล.อ. ไวทิงกล่าว

“เพื่อให้ประสบความสำเร็จ กิจกรรมการรักษาไว้ซึ่งขีดความสามารถของเราจะต้องเข้มแข็งทั้งในอวกาศและบนพื้นโลกแห่งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะสามารถอยู่รอดและมีความยืดหยุ่นได้ตลอดช่วงเวลาความขัดแย้งในทุกระยะ” พล.อ. ไวทิงกล่าว “การรักษาไว้ซึ่งขีดความสามารถจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้นคือปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของเรา”

เซนทรีเป็นนิตยสารทางการทหารระดับมืออาชีพที่จัดทำขึ้นโดยกองบัญชาการยุทธศาสตร์ สหรัฐฯ เพื่อเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นสำหรับบุคลากรด้านความมั่นคงของประเทศ