กิจกรรมที่ผิดกฎหมายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมมือกันกำจัดภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากศูนย์หลอกลวง

ปีเตอร์ พาร์สัน

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังดำเนินการปราบปรามศูนย์หลอกลวง ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมระดับโลกที่ทำการฉ้อโกงเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ทั้งยังละเมิดสิทธิมนุษยชนและคุกคามความมั่นคงในภูมิภาค

เจ้าหน้าที่ในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทยกำลังขัดขวางกลุ่มอาชญากรรม จับกุมผู้กระทำผิด และช่วยเหลือแรงงานที่ถูกจับตัวไว้ การดำเนินการล่าสุดมุ่งเป้าไปที่พื้นที่เมืองเมียวดีในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเมียนมา โดยมีรายงานว่าเป็นแหล่งกบดานที่ศูนย์หลอกลวงเหล่านี้ดำเนินการอยู่ภายใต้กลุ่มทหารกองหนุนที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลทหาร ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

“ศูนย์หลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติของจีน” นางจูเลีย ดิกสัน นักวิจัยจากสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา กล่าวกับ ฟอรัม “ศูนย์เหล่านี้พึ่งพาการใช้แรงงานจากการค้ามนุษย์ โดยการขังเหยื่อการค้ามนุษย์ในสถานที่ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาและบังคับให้พวกเขาดำเนินกิจกรรมออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย เช่น การหลอกลวงแบบปลอมแปลงตัวตน การเก็บข้อมูล หรือการฟอกเงิน”

ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลวงในสหรัฐฯ สูญเสียเงินไปถึง 1.7 ล้านล้านบาท (ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปี โดยมักเกี่ยวข้องกับหลอกลวงให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ตามข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ดิอีโคโนมิสต์

ศูนย์หลอกลวงจำนวนมากกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา เช่น เมียวดี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลทหารของเมียนมามีอิทธิพลอย่างมาก การฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ การลักลอบขนยาเสพติด และการพนันในบ่อนคาสิโนได้กลายเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่เหล่านั้น ดร. สเตฟานี คาม นักวิจัยจากสถาบันการศึกษาด้านกลาโหมและยุทธศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ กล่าวกับ ฟอรัม

“สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดความไม่เสถียรทางสังคม ทำให้ปัญหาต่าง ๆ เช่น การติดการพนัน การสูญเสียชีวิตความเป็นอยู่ และการพลัดถิ่นย่ำแย่ลงกว่าเดิม ซึ่งยิ่งทำให้วิกฤติการณ์ด้านมนุษยธรรมในประเทศหยั่งรากลึกลงไปยิ่งขึ้น ดร. คามกล่าว

ไทยได้ตัดการจ่ายน้ำมันและไฟฟ้าให้กับเมืองเมียวดีในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เพื่อขัดขวางศูนย์หลอกลวง ตามรายงานจากสำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ในเดือนเดียวกัน กองทัพบกไทยรายงานว่าได้ช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับใช้แรงงานกว่า 260 คนจากการดำเนินงานของศูนย์หลอกลวงในเมียนมา ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือมีเชื้อชาติหลากหลาย เช่น บังกลาเทศ บราซิล จีน เอธิโอเปีย ญี่ปุ่น เนปาล ปากีสถาน และฟิลิปปินส์

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ศูนย์ต่อต้านการหลอกลวงของกองบัญชาการตำรวจสิงคโปร์รายงานว่า ได้ร่วมมือกับธนาคารรายใหญ่ 4 แห่ง เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มมิจฉาชีพเป็นมูลค่ากว่า 1.97 พันล้านบาท (ประมาณ 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา การดำเนินการนี้ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติเพื่อระบุและปกป้องลูกค้าธนาคารที่มีความเสี่ยง

การปฏิบัติการร่วมกันระหว่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ส่งผลให้มีการจับกุมอดีตนายกเทศมนตรีของเมืองบัมบันในจังหวัดทาร์ลัคของประเทศฟิลิปปินส์ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ซึ่งจับกุมได้ที่อินโดนีเซีย ผู้ต้องสงสัยเป็นชาวจีนที่ปลอมแปลงเอกสารแสดงตน โดยได้หลบหนีไปหลังจากเกิดการบุกตรวจค้นศูนย์ดำเนินการเกี่ยวกับเกมนอกชายฝั่งในเมืองบัมบัน และเคย “มีส่วนเกี่ยวข้องกับศูนย์หลอกลวงที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมืองด้วย” ตามรายงานของดิอีโคโนมิสต์

นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้ออกคำสั่งห้ามศูนย์การเล่นเกมดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 เนื่องจากมีการดำเนินกิจกรรมที่ “ไม่ใช่การเล่นเกม เช่น การหลอกลวงทางการเงิน การฟอกเงิน การค้าประเวณี การค้ามนุษย์ การลักพาตัว การทรมานที่โหดร้าย หรือแม้กระทั่งการฆาตกรรม”

ปีเตอร์ พาร์สัน ผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม ในเมืองแฮมิลตัน ประเทศนิวซีแลนด์

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button