ปฏิบัติการ ฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ
การส่งสัญญาณถึงการฟื้นคืนความเป็นผู้นำในการทิ้งทุ่นระเบิดทางทะเล

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ในระหว่างการฝึกแวเรียนท์ชิลด์เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 กองเรือสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิกได้ดำเนินการฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดร่วมครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี การฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดแสดงถึงขีดความสามารถที่ล้ำสมัยและหลากหลายของสหรัฐฯ ในการทิ้งทุ่นระเบิดทางทะเลข้ามขอบเขต โดยเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว และความยืดหยุ่นในการใช้งานหลายแพลตฟอร์ม การฟื้นฟูปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดในกองทัพสหรัฐฯ เป็นการปรับยุทธศาสตร์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการทำสงครามทางทะเล ซึ่งเคยถูกมองข้ามมานาน
การฝึกซ้อมที่เกาะกวมและพื้นที่โดยรอบถือเป็นเหตุการณ์การทิ้งทุ่นระเบิดที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2516 โดยมีการประกอบทุ่นระเบิดกว่า 100 ลูกโดยทีมของกองบัญชาการยุทโธปกรณ์แห่งกองทัพเรือแปซิฟิก ประจำเอเชียตะวันออกที่เกาะกวม การฝึกซ้อมดังกล่าวไม่เพียงแต่ทดสอบความสามารถในการประกอบและการใช้งานทุ่นระเบิดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นด้วย การประยุกต์ใช้ขีดความสามารถในทุกขอบเขตสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดยุคใหม่ เครื่องบิน เอฟ/เอ-18 ฮอร์เน็ต เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1 และโดรนทางอากาศ เอ็มคิว-9 รีปเปอร์ ทิ้งทุ่นระเบิดแบบโจมตีฉับไว แสดงให้เห็นว่าอากาศยานที่มีคนขับและไร้คนขับสามารถสนับสนุนภารกิจทิ้งทุ่นระเบิดได้ การบูรณาการที่เน้นย้ำถึงความสามารถของกองทัพสหรัฐฯ ในการทิ้งทุ่นระเบิดแบบโจมตีฉับไวและมีประสิทธิภาพในระยะทางไกล ช่วยเสริมสร้างข้อได้เปรียบทางปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญในสภาพแวดล้อมที่มีความขัดแย้ง
พาหนะไร้คนขับ: ยุคใหม่ของการทิ้งทุ่นระเบิด
การใช้พาหนะไร้คนขับในการทิ้งทุ่นระเบิดช่วยลดความเสี่ยงต่อผู้ปฏิบัติงาน เอ็มคิว-9 รีปเปอร์ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านขีดความสามารถในการลาดตระเวนและโจมตี ได้รับการติดตั้งให้สามารถวางทุ่นระเบิดแบบโจมตีฉับไวได้ถึงสี่ลูก ขีดความสามารถที่เป็นเครื่องมือรูปแบบใหม่อันมีลักษณะทั้งเชิงรุกและเชิงรับนี้ช่วยให้สามารถวางทุ่นระเบิดทางอากาศได้อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง โดยไม่ทำให้นักบินต้องเสี่ยงต่อการคุกคามจากศัตรู นอกจากนี้ การนำยานพาหนะใต้ทะเลไร้คนขับขนาดใหญ่พิเศษเข้าร่วมในการฝึกซ้อมยังได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของยานพาหนะใต้ทะเลดังกล่าวในปฏิบัติการลักลอบทิ้งทุ่นระเบิด ภายใต้การควบคุมของกองเรือยานพาหนะไร้คนขับใต้ทะเลที่ 3 ยานพาหนะใต้ทะเลไร้คนขับขนาดใหญ่พิเศษได้จำลองการลักลอบวางทุ่นระเบิด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการวางทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่ที่เคยกวาดล้างแล้วโดยไม่ถูกตรวจพบ ขีดความสามารถนี้เพิ่มความซับซ้อนให้กับฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากสามารถลักลอบดำเนินปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจรบกวนหรือชะลอการเคลื่อนไหวของกองทัพเรือของศัตรูได้

การดำเนินการอย่างครอบคลุมและความพร้อมสำหรับสถานการณ์จริง
การฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นการดำเนินการทิ้งทุ่นระเบิดแบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผนและการสร้าง ไปจนถึงการขนส่ง การบรรจุ และการทิ้งทุ่นระเบิด บุคลากรทำงานเป็นกะสองช่วงเพื่อประกอบทุ่นระเบิดให้ทันเวลา ก่อนจะขนส่งไปยังฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซนบนเกาะกวม แล้วบรรทุกลงบนเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1 และเอ็มคิว-9 จากนั้นจึงไปประจำการร่วมกับเครื่องบินจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ของกองทัพเรือสหรัฐฯ
เครื่องบิน บี-1 ใช้ทุ่นระเบิดที่มีหางแบบร่มชูชีพ ขณะที่เอ็มคิว-9 ใช้ทุ่นระเบิดที่มีหางแบบครีบ โดยแต่ละประเภทเหมาะสำหรับข้อกำหนดทางปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ความสามารถในการประกอบ ขนส่ง และทิ้งทุ่นระเบิดจากอากาศยานต่าง ๆ อย่างฉับไว ทำให้กองทัพสหรัฐฯ สามารถปรับใช้ทางเลือกที่หลากหลายและยืดหยุ่นได้เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ปฏิบัติการข้ามขอบเขตและ ปฏิบัติการพหุชาติ
นอกจากนี้ การฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดของการฝึกแวเรียนท์ชิลด์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีพันธมิตรและหุ้นส่วนในการฝึกซ้อมครั้งนี้อีกด้วย ปฏิบัติการข้ามขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับกองทัพอากาศและกองทัพเรือสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญด้านความสามารถในการทำงานร่วมกันที่เพิ่มขึ้น การมีพันธมิตรและหุ้นส่วนในการฝึกซ้อมเหล่านี้ช่วยยกระดับความพร้อมและความสามารถของกองกำลังผสมผสานและกองกำลังร่วม ซึ่งทำให้พวกเขามีความสามารถในการปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันมากยิ่งขึ้น
ความสำเร็จของปฏิบัติการเหล่านี้ทำให้พันธมิตรของสหรัฐฯ มีความได้เปรียบเชิงอสมมาตรและมีความสำคัญในการทำสงครามทางทะเล การผสานอากาศยานของพันธมิตรเข้ากับปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ ช่วยเพิ่มความสามาถในการทำลายล้างของกองกำลังผสมผสาน ซึ่งช่วยยกระดับการป้องปรามต่อผู้ที่อาจเป็นศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของพันธมิตรยังช่วยยกระดับความไว้วางใจและการประสานงานระหว่างปฏิบัติการ ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายสามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงวิกฤต
การเรียนรู้จากประวัติศาสตร์
การพิจารณาบริบททางประวัติศาสตร์ของปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดของกองทัพสหรัฐฯ จะช่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของการฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดได้ดียิ่งขึ้น การทิ้งทุ่นระเบิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นที่ท่าเรือไฮฟองในเวียดนามเหนือเมื่อ พ.ศ. 2515 ภายใต้ปฏิบัติการพ็อกเก็ตมันนี่ การทิ้งทุ่นระเบิดกว่า 11,000 ลูกภายในระยะเวลาแปดเดือนทำให้ท่าเรือไฮฟองซึ่งนำเข้าสินค้ากว่าร้อยละ 85 ของเวียดนามเหนือต้องปิดตัวลง โดยปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่วางแผนมาอย่างดีนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบทางยุทธศาสตร์ที่สามารถขัดขวางเส้นทางการขนส่งของศัตรู รวมถึงทำลายขีดความสามารถในการสู้รบด้วยเช่นกัน ใน พ.ศ. 2516 กองทัพเรือสหรัฐฯ และนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ดำเนินปฏิบัติการเอนด์สวีป เพื่อกวาดล้างทุ่นระเบิดในทะเลออกจากท่าเรือ รวมถึงเส้นทางของชายฝั่งและในเวียดนามเหนือ
บทเรียนจากปฏิบัติการพ็อกเก็ตมันนี่มีอิทธิพลต่อแนวทางการทิ้งทุ่นระเบิดทางทะเลในปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นความแม่นยำ การคัดเลือกเป้าหมาย และการบูรณาการเทคโนโลยี เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิด ความสำเร็จของการฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดเป็นข้อพิสูจน์ว่าบทเรียนเหล่านี้ได้รับการเรียนรู้และนำไปใช้จริง จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับปฏิบัติการในอนาคต

การพัฒนาในอนาคตและ ขีดความสามารถที่ยกระดับให้ดียิ่งขึ้น
กองทัพสหรัฐฯ ยังคงพัฒนาขีดความสามารถในการทิ้งทุ่นระเบิดอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าโครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดทางทะเลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นวัตกรรมในอากาศยานทิ้งทุ่นระเบิด เช่น อากาศยานไร้คนขับทางอากาศและใต้น้ำ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการลักลอบปฏิบัติภารกิจวางทุ่นระเบิด เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ควิกสไตรค์-อีอาร์ ที่สามารถส่งมอบทุ่นระเบิดในระยะทางที่ไกลขึ้น กำลังได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทิ้งทุ่นระเบิด
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการค้นหาทุ่นระเบิดและกลไกการควบคุมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดเลือกเป้าหมายและยกระดับความอันตรายของการทิ้งทุ่นระเบิดทางทะเล ซึ่งจะช่วยให้สามารถคัดเลือกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการทำอันตรายเรือพาณิชย์ที่เป็นกลาง และรับประกันว่าทุ่นระเบิดจะจุดระเบิดเฉพาะเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามทางทหารเท่านั้น วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนสามารถทิ้งทุ่นระเบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เป็นเครื่องมือมีประสิทธิภาพในการกำหนดพื้นที่การรบทางทะเล
ความเชี่ยวชาญในการพัฒนา
การฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กองทัพสหรัฐฯ หันมาให้ความสำคัญกับปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดทางทะเลอีกครั้ง การบูรณาการอากาศยานที่มีคนขับและไร้คนขับในหลายขอบเขตในการฝึกซ้อมนี้ แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถที่แข็งแกร่งของการทิ้งทุ่นระเบิดอย่างฉับไวและมีประสิทธิภาพในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง การประกอบ ขนส่ง และการทิ้งทุ่นระเบิดมากกว่า 100 ลูก ได้สะท้อนถึงความพร้อมในปฏิบัติการและความเชี่ยวชาญทางด้านโลจิสติกส์ของกองกำลังสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ความสามารถในการควบคุมช่องแคบทางทะเลที่สำคัญผ่านปฏิบัติการทิ้งทุ่นระเบิดอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ บทเรียนจากการฝึกซ้อมทิ้งทุ่นระเบิดและการพัฒนาเทคโนโลยีการทิ้งทุ่นระเบิดอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้สหรัฐฯ รักษาข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ พร้อมทั้งสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามทุกชนิดด้วยความแม่นยำและกำลังที่เหนือกว่าได้