การรักษาความได้เปรียบทางทะเล

น.ท. แดเนียล อาร์. โพสต์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ และ ร.อ. โนเอล บาร์ตลีย์ แห่งกองทัพบกสหรัฐฯ

โ ดยปกติแล้ว กองทัพบกสหรัฐฯ มักให้ความสำคัญกับปฏิบัติการบนพื้นดิน โดยที่บทบาทในบริบททางทะเลส่วนใหญ่จะมีหน้าที่เพียงแค่ให้การสนับสนุนเท่านั้น ซึ่งบทบาทเหล่านี้เป็นวัตถุประสงค์หลักที่กองทัพบกได้รับการออกแบบมาเพื่อดำเนินการ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์และภัยคุกคามที่พัฒนาขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก จำเป็นต้องขยายขอบเขตปฏิบัติการและทบทวนบทบาทของกองทัพบกในด้านการรักษาความได้เปรียบทางทะเลอีกครั้ง

การรักษาความได้เปรียบทางทะเลซึ่ง ดร.
มิลาน เวโก ศาสตราจารย์แห่งวิทยาลัยสงครามนาวีของสหรัฐฯ ได้อธิบายว่าเป็น “ความสามารถในการใช้พื้นที่บางส่วนทางน้ำและอากาศที่เกี่ยวข้องเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารและทางพลเรือนในช่วงเวลาที่เกิดการปะทะกันอย่างเปิดเผย” ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ อันเกี่ยวข้องกับการรุกคืบและรักษากำลังการสู่รบ รวมถึงการปกป้องเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญ ในปัจจุบัน การรักษาความได้เปรียบทางทะเลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับภารกิจและงานหลายประการที่กองทัพบกต้องดำเนินการ ดังนั้น กองทัพบกควรมีแนวทางที่เด่นชัดและมีส่วนร่วมในการรักษาความได้เปรียบทางทะเลมากขึ้น ขีดความสามารถของกองทัพบกและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติช่วยเสริมแนวทางนี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การลงทุนในปัญญาประดิษฐ์และพาหนะอัตโนมัติสำหรับปฏิบัติการทางทะเลจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบร่วมของกองทัพบก พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงของชาติ ประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน และความยืดหยุ่นทางยุทธศาสตร์

บริบททางภูมิรัฐศาสตร์

ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้กลายเป็นจุดมุ่งเน้นของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยที่ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองเป็นศูนย์กลางของสถานการณ์ความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจีนข่มขู่ว่าจะผนวกไต้หวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนโดยใช้กำลัง และรัฐบาลจีนเองก็คุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันผ่านกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย บีบบังคับ รุกราน และเป็นอันตรายที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หนึ่งในความกังวลที่สำคัญคือความตั้งใจและความสามารถของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะคุกคามเศรษฐกิจโลกโดยการจำกัดการเข้าถึงตลาดการค้าที่สำคัญ

นอกจากอันตรายในช่องแคบไต้หวันแล้ว ความก้าวหน้าของอิหร่านในด้านขีดความสามารถทางทะเล รวมถึงการติดตั้งระบบขีปนาวุธขั้นสูงให้เรือรบของประเทศตน ก็ยังเป็นภัยคุกคามต่อช่องแคบที่สำคัญสำหรับทรัพยากรด้านพลังงานและการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย ภัยคุกคามเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วน ซึ่งพึ่งพาหุ้นส่วนทางการค้าและเส้นทางเดินเรือที่ได้รับการคุ้มครองอย่างมากเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศที่มีมูลค่ามากกว่า 188 ล้านล้านบาท (ประมาณ 5.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในแต่ละปี

รัฐบาลเผด็จการบางประเทศกำลังลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมด้านเศรษฐกิจทางทะเลในลักษณะที่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของสหรัฐฯ และหุ้นส่วน เมื่อพิจารณาถึงขีดความสามารถทางทะเลที่เพิ่มขึ้นของศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขีดความสามารถในการรักษาข้อได้เปรียบทางทะเลของกองทัพบกสหรัฐฯ ช่วยยกระดับความมั่นคงและการป้องปรามในภูมิภาคผ่านการใช้แนวทางหลายขอบเขตที่บูรณาการยุทธศาสตร์ทางทะเล การยิงในปฏิบัติการ และการเคลื่อนที่ทางยุทธวิธีเข้าไว้ด้วยกัน

สหรัฐฯ ตระหนักเป็นอย่างดีและกำลังดำเนินการเพื่อบรรเทาความเสี่ยงเหล่านั้น เช่น กองทัพสหรัฐฯ ได้สะสมยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงยานพาหนะและพ่วงรถ 330 คัน และตู้คอนเทนเนอร์ 130 ตู้ในโกดัง ที่พร้อมจะสนับสนุนทหารกว่า 500 นาย ตามรายงานของรอยเตอร์ การดำเนินการนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และปฏิบัติการร่วมที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กองทัพบกยังระบุว่า “การปกป้องบุคคล ยุทโธปกรณ์ และเสบียงระหว่างการขนส่งนั้นขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากกองทัพอื่น ๆ”

การปรับยุทธศาสตร์ของกองทัพบกไปสู่ปฏิบัติการทางทะเลจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน
โลจิสติกส์ ตลอดจนสร้างโครงสร้างการยิง การยิงตอบโต้ และการเคลื่อนที่แบบกระจายที่พร้อมปฏิเสธการรุกรานและสนับสนุนกองกำลังร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ความเชี่ยวชาญของกองทัพบกด้านโลจิสติกส์ พร้อมกับความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ ทำให้กองทัพบกพร้อมรับมือกับความท้าทายนี้ การยกระดับบทบาทของกองทัพบกในการรักษาข้อได้เปรียบทะเลจะช่วยสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้มากยิ่งขึ้น

ขีดความสามารถในการเคลื่อนที่

การตอบสนองต่อภัยคุกคามทางทะเลต้องอาศัย “ขีดความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างฉับไวซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อกองกำลังของศัตรูได้ในทันที” ตามรายงานของกองทัพบกสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2565 กองทัพบกได้เปิดตัวเรือสนับสนุนการเคลื่อนที่ (มวลเบา) เพื่อแทนที่เรือระบายพลขนาดกลางหมายเลข 8 ที่เคยใช้งานในยุคสงครามเวียดนาม เรือลำใหม่สามารถขนส่งยุทโธปกรณ์และเสบียงในพื้นที่ชายฝั่งและสามารถเคลื่อนที่ได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายด้วยความเร็วกว่า 20 นอต (ประมาณ 37 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าเรือรุ่นก่อนหน้ามากกว่าสองเท่า ยานพาหนะทางน้ำรุ่นนี้เป็นลำแรกของกองเรือที่ได้รับการปรับปรุงความทันสมัย
การบูรณาการขีดความสามารถเหล่านี้ รวมถึงขีดความสามารถแบบมีคนขับอื่น ๆ เข้ากับอาวุธปัญญาประดิษฐ์ใหม่และสินทรัพย์ทางโลจิสติกส์ ช่วยสร้างแนวทางที่หลากหลายในการเพิ่มประสิทธิภาพปฏิบัติการ ปัญญาประดิษฐ์และระบบแบบไร้คนขับหรือมีคนขับเพียงบางส่วน สามารถยกระดับขีดความสามารถในด้านโลจิสติกส์และการส่งกำลังบำรุง ข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน รวมถึงการใช้อำนาจการยิงและการโจมตีที่แม่นยำ

โลจิสติกส์และการส่งกำลังบำรุง: ปัญญาประดิษฐ์สามารถปรับปรุงการจัดการสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพ โดยสามารถระบุความต้องการได้อย่างรวดเร็ว และใช้การเรียนรู้ของเครื่องเพื่อคาดการณ์ความต้องการในอนาคต เช่น ในภาคส่วนการค้า ปัญญาประดิษฐ์กำลังยกระดับการทำงานด้านการจัดการโกดังและห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ทันท่วงที

นอกจากนี้ ระบบโลจิสติกส์ไร้คนขับ เช่น ระบบส่งกำลังทางอากาศอัตโนมัติทางยุทธวิธีร่วม ซึ่งสามารถขนส่งเสบียงระหว่างเรือและหน่วยที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้ยานพาหนะแบบมีคนขับ การใช้ยานพาหนะทางน้ำเป็นศูนย์กลางการลำเลียงเสบียงเคลื่อนที่ช่วยให้กองทัพบกสามารถสร้างเครือข่ายลำเลียงเสบียงที่กระจายตัวและยืดหยุ่น ซึ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามขัดขวางได้ยากยิ่งขึ้น

ข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน:หลายกองทัพใช้ระบบไร้คนขับที่ได้รับการบูรณาการเข้ากับปัญญาประดิษฐ์ในภารกิจด้านข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวนเพื่อวิเคราะห์และแปลความข้อมูลจำนวนมหาศาลได้รวดเร็วยิ่งกว่ามนุษย์ แม้ว่าระบบเหล่านี้ยังคงต้องอาศัยมนุษย์ในการควบคุม บำรุงรักษา และจัดการ ทว่าก็ช่วยลดความเสี่ยงของกองกำลัง โดยเปิดโอกาสให้กองกำลังสามารถปฏิบัติการจากพื้นที่ที่ได้รับการป้องกันหรือสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การใช้ยานพาหนะทางน้ำเป็นศูนย์กลางการบัญชาการและควบคุมที่รับข้อมูลจากระบบปัญญาประดิษฐ์ ช่วยให้กองทัพบกสามารถกระจายข่าวกรองที่สามารถดำเนินการไปยังกองกำลังร่วมและกองกำลังของพันธมิตรได้ ยานพาหนะทางอากาศ ผิวน้ำ และใต้น้ำแบบไร้คนขับสามารถปฏิบัติภารกิจเฝ้าระวังและลาดตระเวน ตรวจจับและระบุภัยคุกคามในพื้นที่ความเสี่ยงสูง พร้อมทั้งลดการแทรกแซงจากมนุษย์ให้น้อยที่สุด ขีดความสามารถของยานพาหนะทางน้ำในการนำสินทรัพย์เหล่านี้ออกปฏิบัติการและเรียกกลับคืนได้ ช่วยขยายระยะทางและระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจ ข้อมูลที่รวบรวมได้สามารถนำไปวิเคราะห์และส่งต่อไปยังศูนย์บัญชาการ รวมทั้งใช้ในการระบุและทำลายเป้าหมายได้

อำนาจการยิงและการโจมตีที่แม่นยำ:ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องสามารถยกระดับความแม่นยำของการโจมตีได้อย่างมาก โดยการประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์และระบบการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ สินทรัพย์เหล่านี้ช่วยให้กองทัพบกสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเวลา สถานที่ และวิธีการในการโจมตีเป้าหมาย

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวในการประชุมแลกเปลี่ยนเทคนิคของกองทัพบกครั้งที่ 9 ที่รัฐเทนเนสซีในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ว่า ขีดความสามารถในการเคลื่อนที่วนในตำแหน่งเดิมและการระบุเป้าหมายอัตโนมัติของโดรน สวิตช์เบลด 600 และ
วอร์เมต ทำให้เกิดข้อได้เปรียบทางยุทธวิธี ในยูเครน มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการบูรณาการจำแนกเป้าหมายและวัตถุกับภาพถ่ายจากดาวเทียม รวมถึงการหาพิกัดทางภูมิศาสตร์และวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลเปิด ซึ่งช่วยให้สามารถระบุทหาร อาวุธ ระบบ หน่วยต่าง ๆ และความเคลื่อนไหวของรัสเซียได้อย่างรวดเร็ว ขีดความสามารถเหล่านี้ รวมถึงการยิงที่แม่นยำจากจากพิสัยไกลอื่น ๆ สามารถดำเนินการจากยานพาหนะทางน้ำ เพื่อให้กองทัพบกสหรัฐฯ มีทางเลือกในการตอบสนองที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถประสานการโจมตีจากหลายขอบเขตได้ ซึ่งทำให้ปฏิบัติการโจมตีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความคุ้มค่าของพาหนะที่ได้รับการบูรณาการเข้ากับปัญญาประดิษฐ์ทำให้สามารถนำมาใช้ในการขยายบทบาททางทะเลของกองทัพบกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลประโยชน์ระยะยาวที่เกิดจากการเพิ่มขีดความสามารถด้านปฏิบัติการและการลดความเสี่ยงนั้นคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนไป ภายใต้โครงการคอนเวอร์เจนซ์ซึ่งเป็นแคมเปญหลักในการปรับปรุงของกองทัพ กองทัพบกสหรัฐฯ กำลังทดลองใช้อาวุธยิงพิสัยไกล โดรน ยานรบอัตโนมัติ เซ็นเซอร์รุ่นใหม่ และเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกองกำลังร่วม

บรรทัดฐานในอดีต

กองทัพบกในปัจจุบันสามารถใช้บทเรียนจากอดีตมาพัฒนาแนวคิดและปรับใช้แนวทางใหม่ในการรักษาความได้เปรียบทางทะเลได้

การรักษาความได้เปรียบทางทะเลในสงครามรัสเซียกับญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2447-2448 มีบทบาทสำคัญต่อชัยชนะของจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งช่วยให้ญี่ปุ่นมีการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ แยกแยะกองกำลังรัสเซีย เอาชนะในการสู้รบทางทะเล และดำเนินปฏิบัติการผสมผสานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาความได้เปรียบทางทะเลทำให้ญี่ปุ่นสามารถสนับสนุนปฏิบัติการทางบกได้ผ่านการเคลื่อนย้ายกำลังพลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยรวมกองกำลังภาคพื้นดินไว้ที่จุดสำคัญ

สงครามครั้งนั้นได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับความขัดแย้งในอนาคต หากกองทัพบกสามารถรักษาความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล โดยเฉพาะในระยะทางที่ไม่ไกลนัก เช่น ระหว่างหมู่เกาะที่อยู่ใกล้กัน หรือพื้นที่ทางบกที่ถูกกั้นด้วยน้ำทะเลในระดับเล็กหรือภูมิภาค กองทัพบกจะสามารถสนับสนุนกองกำลังร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยหลักแล้ว กองทัพบกจะกลายเป็นผู้ส่งมอบกำลังแทนที่จะเป็นผู้รับบริการในการรักษาความได้เปรียบทางทะเล

ปฏิบัติการในสงครามโลกครั้งที่สอง เช่น การยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ที่เมืองนอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของกองทัพบกสหรัฐฯ ในการดำเนินการโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกครั้งใหญ่และการรักษาปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมทางทะเลที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การรุกรานในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2487 ถือเป็นการโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสงคราม กองทัพบกสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการวางแผนและดำเนินการรุกรานครั้งนี้ โดยการรวมกองกำลังกว่า 156,000 นายจากกองทัพของพันธมิตร พร้อมกับเรือและเรือยกพลขึ้นบกประมาณ 7,000 ลำ

กองทัพบกและกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกันเพื่อขนย้ายกองกำลังและใช้กำลังทางอากาศและทะเลเพื่อสร้างสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการยกพลขึ้นบก ปฏิบัติการนี้ทำให้สามารถควบคุมช่องแคบอังกฤษได้ และช่วยให้การเสริมกำลังของกองกำลังพันธมิตรในยุโรปดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การปลดปล่อยฝรั่งเศสและการพ่ายแพ้ของนาซีเยอรมนีในที่สุด

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความได้เปรียบทางทะเลในการสนับสนุนการปฏิบัติการทางบก บทบาทที่เด่นชัดยิ่งขึ้นของกองทัพบกสหรัฐฯ ในภารกิจการรักษาความได้เปรียบทางทะเลจะช่วยเสริมสร้างการสนับสนุนทาง
โลจิสติกส์แก่กองกำลังร่วม รักษาความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล และรับรองเสรีภาพในการเคลื่อนไหว ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การเสริมบทบาทของกองทัพบกสหรัฐฯ จะช่วยให้สามารถนำกำลังพลภาคพื้นดินไปประจำการได้ ข้อได้เปรียบทั้งในด้านยุทธศาสตร์ ปฏิบัติการ และเทคโนโลยีมีความชัดเจน ในการทำสงครามสมัยใหม่ ขอบเขตของปฏิบัติการทางบก ทางทะเล และทางอากาศเริ่มไม่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความสำเร็จในแต่ละขอบเขตนั้นมักจะต้องพึ่งพาการควบคุมและอิทธิพลของอีกสองขอบเขตด้วย การยอมรับบทบาทในการรักษาความได้เปรียบทางทะเลทำให้กองทัพบกมั่นใจได้ว่าปฏิบัติการทางบกจะได้รับการสนับสนุนจากขีดความสามารถทางทะเลที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโดยรวมของกองกำลังร่วม

การดำเนินการนี้ไม่ได้ทำให้กองทัพบกละเลยปฏิบัติการทางบก แต่จะทำให้ตระหนักได้ว่าการรักษาความได้เปรียบทางทะเลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของปฏิบัติการทางบก การรักษาเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญ การสนับสนุนปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก และการส่งมอบขีดความสามารถในการยิงและเคลื่อนที่แบบกระจาย จะช่วยให้กองทัพบกสามารถรับประกันความสำเร็จของปฏิบัติการร่วมได้ดียิ่งขึ้น การดำเนินการนี้จะช่วยเสริมความยืดหยุ่นในปฏิบัติการของกองทัพบก และเพิ่มระดับความมั่นคงพร้อมทั้งการป้องปรามใน ภูมิภาคที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เช่น อินโดแปซิฟิก การใช้แนวทางแบบองค์รวมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ภัยคุกคามทั่วโลกเชื่อมโยงกัน และปฏิบัติการในทุกขอบเขตกลายเป็นบรรทัดฐาน