การฝึกบาลิกาตัน พ.ศ. 2568 มุ่งเน้นการผนึกกำลังจากหลายประเทศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของฟิลิปปินส์และเสถียรภาพในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ในช่วงปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการฝึกซ้อมทางทหารระดับพหุชาติบาลิกาตันที่ฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรก พร้อมกับกองกำลังจากออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีผู้สังเกตการณ์จาก 16 ประเทศ ได้แก่ บรูไน แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย ลิทัวเนีย มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทย สหราชอาณาจักร และเวียดนาม
กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นจะเข้าร่วมการลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ร่วมกับเรือจากฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ การฝึกทางทะเลระดับพหุชาติที่จัดขึ้นนอกชายฝั่งเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ จะขยายขอบเขตไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งมีระยะทาง 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
วิดีโอจาก: ส.ท. ไบรอัน โนลส์/นาวิกโยธินสหรัฐฯ
แม้ว่าการฝึกบาลิกาตันจะไม่ได้มุ่งเน้นไปยังศัตรูรายใดโดยเฉพาะเจาะจง ทว่าความตึงเครียดกลับยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในเส้นทางน้ำที่สำคัญต่อเศรษฐกิจในช่วงสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากฟิลิปปินส์ได้เปิดโปงกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย บีบบังคับ รุกราน และหลอกลวงของจีน รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์ครอบครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้โดยไม่สนใจคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ในดินแดนโดยพลการนี้ เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนและกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลของจีนได้ขัดขวาง พุ่งชน และก่อกวนเรือของกองทัพฟิลิปปินส์และเรือประมงพลเรือนที่ปฏิบัติการอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นพื้นที่ที่ฟิลิปปินส์มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้ทรัพยากร รัฐบาลจีนใช้ยุทธวิธีในลักษณะเดียวกันเพื่อคุกคามประเทศอื่น ๆ ที่อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม
บาลิกาตัน ที่แปลว่า เคียงบ่าเคียงไหล่ ในภาษาตากาล็อกของฟิลิปปินส์ เป็นการฝึกซ้อมทางทหารร่วมครั้งที่ 40 ระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางสนธิสัญญามาอย่างยาวนาน โดยมีทหารจากหลายประเทศเข้าร่วมกว่า 16,000 นาย การฝึกในครั้งนี้ต่อยอดจากความซับซ้อนของการฝึกครั้งที่ผ่านมา เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าด้านการพัฒนากองทัพของฟิลิปปินส์ ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกันและความพร้อมรบของกองกำลังพันธมิตร
“หากเราจะร่วมรบเป็นทีม เราก็ต้องเริ่มจากการฝึกร่วมกัน” พล.ร.จ. ริชาร์ด กอนซากา แห่งกองทัพเรือฟิลิปปินส์และผู้บัญชาการการฝึกประจำ พ.ศ. 2568 กล่าว “แม้จะเป็นการฝึกบาลิกาตันครั้งที่ 40 แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาการฝึกซ้อมร่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกฝ่ายมีความพร้อมและความมั่นใจในการรบเคียงข้างกันและคว้าชัยชนะร่วมกัน หากจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจจริง”
เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ระบุว่า การฝึกในครั้งนี้จะเป็นการจำลองสถานการณ์การสู้รบเต็มรูปแบบ โดยใช้ทั้งสถานการณ์เสมือนจริงและเชิงโครงสร้าง กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การฝึกในครั้งนี้จะครอบคลุมทั้งขอบเขตทางอากาศ ไซเบอร์ ทางบก ทะเล และอวกาศ โดยทหารจากหลายประเทศจะร่วมกันจำลองสถานการณ์เพื่อปกป้องอธิปไตยของฟิลิปปินส์ การบูรณาการในระดับยุทธวิธีและการปฏิบัติการช่วยให้พันธมิตรสามารถตรวจสอบ ปรับปรุง และพัฒนาขีดความสามารถของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฝึกบาลิกาตันประกอบด้วยการฝึกด้านโลจิสติกส์ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ตลอดจนการฝึกด้านการบังคับบัญชาและการควบคุม บุคลากรของฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ใช้เรือยกพลขึ้นบกและเรือปฏิบัติการนอกประเทศในการจัดหาเครื่องจักรหนักและสินทรัพย์อื่น ๆ
นอกจากนี้ กองกำลังยังมีส่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่น และจะถ่ายทอดทักษะทางการแพทย์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับชุมชนฟิลิปปินส์
ในการฝึกซ้อมด้านการบังคับบัญชาและการควบคุม บุคลากรจากกองทัพฟิลิปปินส์และกองทัพสหรัฐฯ จะร่วมกันจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วมและประสานงานการปฏิบัติการให้สอดคล้องกัน กองกำลังจากออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ จะทำการฝึกซ้อมเพื่อระบุและกำหนดเป้าหมายภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้ฐานทัพของแต่ละฝ่ายในการปฏิบัติการ
ปฏิบัติการแบบผสมผสานและปฏิบัติการร่วมทุกขอบเขตจะครอบคลุมถึงการรักษาความปลอดภัยทางทะเล การฝึกยิงด้วยกระสุนจริงเพื่อต่อต้านการยกพลขึ้นบก การป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธแบบบูรณาการ และการโจมตีทางทะเล
“การฝึกบาลิกาตัน พ.ศ. 2568 ไม่ได้เป็นเพียงการสืบทอดการฝึกซ้อมที่มีมาหลายทศวรรษ แต่เป็นการลงทุนครั้งสำคัญในความมั่นคงร่วมกันของเรา” พล.ท. เจมส์ กลินน์ ผู้บัญชาการนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิก กล่าว “ด้วยความร่วมมืออันแน่นแฟ้นกับกองทัพฟิลิปปินส์ และการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นจากประเทศที่มีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างออสเตรเลียและญี่ปุ่น เราจึงปฏิบัติการในฐานะกองกำลังที่สนับสนุนซึ่งกันและกันได้ พร้อมรับมือกับความท้าทายในภูมิภาค และปกป้องภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”