ความร่วมมืออินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างเรื่องเด่น

การบ่มเพาะ ความสำเร็จ

การทูตด้านข่าวกรองอาจช่วยธำรงไว้ซึ่งภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง รวมถึงแก้ไขความท้าทายด้านความมั่นคง

สเปนเซอร์ ปีเตอร์สัน/สำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ

สงครามที่กำลังดำเนินอยู่และความขัดแย้งระดับภูมิภาค ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในทะเลจีนใต้ ผลกระทบที่ต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค การแข่งขันระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก จำนวนผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ ความท้าทายด้านความมั่นคงที่ซับซ้อนและกำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และทั่วโลกต้องอาศัยแนวทางแก้ไขรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะในยุคของปัญญาประดิษฐ์

การทูตด้านข่าวกรองอาจกลายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากขึ้นในการแก้ไขภาวะวิกฤตด้านความมั่นคง ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ เช่น การทูตด้านข่าวกรองนี้อาจมอบแนวทางรูปแบบใหม่เกี่ยวกับวิธีที่ชุมชนข่าวกรองช่วยธำรงไว้ซึ่งภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง

การทูตด้านข่าวกรองสามารถนิยามได้ว่าเป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล กลไกทางการทูตระดับชาติ ภาคข้อมูลข่าวสาร อำนาจทางทหารหรือทางเศรษฐกิจ และ/หรือองค์กรเอกชน ในการรวบรวม วิเคราะห์ และบริหารจัดการข้อมูล เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะด้านและเป็นประโยชน์ในวงกว้างแก่สาธารณะอย่างสูงสุด การทูตด้านข่าวกรองสามารถเป็นกระบวนการที่เป็นระบบและยืดหยุ่น ซึ่งช่วยส่งเสริมแนวทางแบบองค์รวมของทั้งสังคม เพื่อตอบสนองต่อปัญหาด้านความมั่นคงที่ซับซ้อน

นาวิกโยธินฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ จับมือกันหลังการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ระหว่างการฝึกแผนงานต่อเนื่องเพื่อการป้องกันชายฝั่งของหมู่เกาะในปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 จ.ส.ท. โดนัลด์ ฮอลเบิร์ต/นาวิกโยธินสหรัฐฯ

รัฐบาลประชาธิปไตยและสังคมควรลงทุนในแนวทางการทูตด้านข่าวกรองที่แข็งแกร่ง โดยใช้วิธีหลักสามประการ ได้แก่

  • ก้าวข้ามแนวคิดเรื่องการแบ่งปันผลิตภัณฑ์ข่าวกรองไปสู่การบ่มเพาะองค์ความรู้เชิงสถาบัน
  • ส่งเสริมความโปร่งใสและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ข้อมูลข่าวกรองในฐานะประโยชน์สาธารณะ
  • ผนวกเทคโนโลยีเข้ากับคลังเครื่องมือของระบอบประชาธิปไตย โดยให้ความสำคัญกับสิทธิประชาธิปไตยเหนือประโยชน์เฉพาะหน้าในการปฏิบัติภารกิจ

การประยุกต์ใช้การทูตด้านข่าวกรองกับขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณค่าของการทูตในลักษณะนี้

การบ่มเพาะความรู้เชิงสถาบัน

ที่การประชุมความมั่นคงแชงกรีลา ณ สิงคโปร์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในขณะนั้นได้เน้นย้ำถึงความพยายามของความร่วมมือการเจรจาความมั่นคงจตุภาคี หรือ ควอด ซึ่งประกอบด้วยออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ในการเสริมสร้าง “ภาพรวมของปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ” ของประเทศอื่น ๆ ผ่านโครงการความร่วมมืออินโดแปซิฟิกเพื่อขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ทำเนียบขาวได้อธิบายว่าโครงการความร่วมมืออินโดแปซิฟิกเพื่อขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลให้ “ภาพรวมขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลที่ใกล้เคียงเวลาจริง เป็นแบบผสมผสาน และคุ้มค่าใช้จ่าย” สำหรับหุ้นส่วนในหมู่เกาะแปซิฟิก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย

ภัยคุกคาม เช่น การทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอาหารของทุกประเทศ ตามข้อมูลจาก พล.ร.ต. สก็อต เคลนเดนิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ดที่เกษียณอายุแล้ว ในอินโดแปซิฟิก ขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เพื่อรับมือกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางปริมาณการขนส่งทางทะเลจำนวนมหาศาล เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ร้อยละ 30 ของการค้าทั่วโลกเดินทางผ่านช่องแคบมะละกา และร้อยละ 40 ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางเรือทั่วโลกเดินทางผ่านช่องแคบไต้หวัน ตามการวิเคราะห์ของบริษัทบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป ประจำ พ.ศ. 2567

โครงการความร่วมมืออินโดแปซิฟิกเพื่อขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลจะเกิดประโยชน์มากขึ้นหากปรับจุดมุ่งเน้นจากการให้ข้อมูลข่าวกรองที่ใกล้เคียงเวลาจริง ไปสู่การบ่มเพาะความรู้เชิงสถาบันแบบพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือเชิงพาณิชย์ กองทัพ และการเดินเรือที่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาในแต่ละช่วงเวลา

รัฐบาลประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนาและบริหารจัดการฐานข้อมูลหรือแหล่งความรู้ที่ใช้ร่วมกัน โดยต่อยอดจากโครงการริเริ่มต่าง ๆ เช่น โครงการความร่วมมืออินโดแปซิฟิกเพื่อขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล การดำเนินการนี้ไม่เพียงช่วยให้สามารถแจ้งผู้มีอำนาจตัดสินใจให้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังช่วยให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่ากิจกรรม ผู้คน สถานที่ และสิ่งต่าง ๆ เชื่อมโยงกันอย่างไรภายใต้บริบทที่กว้างขึ้น และเหตุใดสิ่งเหล่านั้นจึงมีความสำคัญ

ความรู้เชิงสถาบันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไม่ได้ขัดแย้งกับข่าวกรองตามเวลาจริง ในทางตรงกันข้าม การทูตด้านข่าวกรองมุ่งเน้นไปที่การทำงานในระยะยาวของฐานข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน มาตรฐาน และกระบวนการระหว่างประเทศและองค์กร และถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างข่าวกรองตามเวลาจริง แนวคิดการบ่มเพาะความรู้เชิงสถาบันนี้สอดคล้องกับถ้อยแถลงของผู้นำภาคกลาโหมสหรัฐฯ ดังที่ได้แสดงตัวอย่างออกมาให้เห็นแล้วโดยการผลักดันของนายออสตินให้สร้าง “โครงการริเริ่มและสถาบันที่เชื่อมโยงและเกื้อหนุนกัน” ซึ่ง “ขับเคลื่อนโดยวิสัยทัศน์ที่เหมือนกันและความรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่มีร่วมกัน”

สหรัฐฯ และประเทศประชาธิปไตยอื่น ๆ กำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ยังจำเป็นต้องสร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ มากขึ้น บ่มเพาะความรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และขยายความรู้นั้นไปยังหุ้นส่วนที่มีวิสัยทัศน์เหมือนกันมากขึ้น

นาวิกโยธินฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ เข้าร่วมการฝึกด้านขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกแผนงานต่อเนื่องเพื่อการป้องกันชายฝั่งของหมู่เกาะ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 จ.ส.ท. โดนัลด์ ฮอลเบิร์ต/นาวิกโยธินสหรัฐฯ

การให้บริการข่าวกรองในฐานะประโยชน์สาธารณะ

การทูตด้านข่าวกรองควรมุ่งเน้นทั้งภายนอก (ระดับสากล) และภายในประเทศ (จากภาครัฐสู่ภาคเอกชน และจากภาคเอกชนสู่ภาครัฐ) ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับงานด้านข่าวกรองไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ตัวแทนจากรัฐบาลหรือกองทัพเท่านั้น แต่ควรมาจากภาคส่วนอื่น ๆ ของอำนาจในประเทศ โดยเฉพาะภาคข้อมูลข่าวสารและเศรษฐกิจ ตลอดจนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและภาคเอกชน

พล.ร.อ. ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ได้นำเสนอข้อคิดเห็นที่น่าสนใจในการประชุมแชง กรีลา พ.ศ. 2567 เพื่อสนับสนุน “ความร่วมมือที่ครอบคลุมมากกว่าวิธีการทางทหาร” พล.ร.อ. ปาปาโรเรียกร้องให้กองทัพ สถาบันพลเรือน และภาคเอกชน ร่วมแบ่งปัน “ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และการวางแผนระหว่างหน่วยงาน” แนวทางนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เนื่องจาก ภัยคุกคามใด ๆ ต่อความมั่นคงของชาติย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมพลเรือนในท้ายที่สุด ความจริงข้อนี้ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นในสังคมที่เชื่อมโยงกันผ่านเทคโนโลยีที่ใช้งานร่วมกัน ที่ซึ่งประชาชนเป็นแนวหน้าในการเผชิญกับภัยการโจมตีทางไซเบอร์ แผนการการบิดเบือนข้อมูล และความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน

เมื่อนำไปประยุกต์ใช้กับขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลในภูมิภาค อินโดแปซิฟิก นักการทูตด้านข่าวกรองควรส่งเสริมการใช้แดชบอร์ดข้อมูลที่เปิดให้สาธารณชนเข้าถึงและมีข้อมูลเชิงลึก โดยอาศัยโซลูชันเชิงพาณิชย์ที่ดีที่สุดในการแสดงเหตุการณ์ แนวโน้ม รายงาน และการประเมินที่จัดทำโดยหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป

ยอมรับเทคโนโลยีและสิทธิประชาธิปไตย

การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ดีในการบรรลุผลลัพธ์ด้านความมั่นคงให้ดียิ่งขึ้น หน่วยนวัตกรรมกลาโหมของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เป็นผู้นำการพิชิตความท้าทายในการระบุหาการกระทำที่อาจเป็นการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมโดยใช้อัลกอริธึมวิเคราะห์ภาพคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาลภายในเวลาไม่กี่นาที ภายในกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้น
อินโดแปซิฟิก ศูนย์อำนวยการเร่งรัดภารกิจร่วมกำลังดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถชุดใหม่ที่มีศักยภาพ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสหรัฐฯ ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน ขีดความสามารถเหล่านี้รวมถึงเครือข่ายปฏิบัติการยิงร่วม ซึ่งใช้ในการจับคู่เป้าหมายกับอาวุธทั่วพื้นที่ปฏิบัติการ และเครือข่ายภารกิจแบบบูรณาการซึ่งแบ่งปันข้อมูลด้านการวางแผนระหว่างกองบัญชาการระดับสูงของกองทัพ ขีดความสามารถเหล่านี้จะร่วมกันก่อร่างเป็นรากฐานของระบบบัญชาการและควบคุมระดับโลกระยะแรกเริ่มของกองกำลังของสหรัฐฯ และกองกำลังพันธมิตรในการปฏิบัติการทางบก ทางทะเล ทางอากาศ อวกาศ และโลกไซเบอร์ ท่ามกลางความขัดแย้งในอนาคตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มุ่งมั่นแสวงหาข้อมูลที่ “มองเห็นได้ เข้าถึงได้ เข้าใจได้ เชื่อมโยงกัน น่าเชื่อถือ ทำงานร่วมกันได้ และปลอดภัย” โดยได้รับการสนับสนุนจาก “แนวทางอย่างเป็นระเบียบในการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ” นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ปรับปรุงคำสั่งเกี่ยวกับระบบอาวุธอัตโนมัติ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้งาน เมื่อประยุกต์ใช้กับขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล พัฒนาการเหล่านี้ในกรอบความร่วมมือพหุภาคี ปัญญาประดิษฐ์ และระบบวิเคราะห์ภาพด้วยคอมพิวเตอร์ แสดงให้เห็นว่าพันธมิตรและหุ้นส่วนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่ผสานพลังการประมวลผลของเครื่องจักรเข้ากับความคิดสร้างสรรค์และวิสัยทัศน์ของมนุษย์

ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง ระบบวิเคราะห์ภาพด้วยคอมพิวเตอร์ และแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เคยเป็นไปไม่ได้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้จะไม่สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ในการกำหนดลำดับความสำคัญ การตัดสินใจที่มีคุณค่า และการสร้างแนวร่วม แม้ว่าการทูตด้านข่าวกรองจะต้องยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ก็ควรตระหนักถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ในทางที่ผิด ในกรณีของการโฆษณาชวนเชื่อจากรัสเซีย นักวิจัยคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้างสามารถช่วยลดต้นทุนของปฏิบัติการเหล่านี้ได้ แต่ไม่ได้เป็น “ทางออกสุดมหัศจรรย์” ที่แก้ไขทุกปัญหาได้ในทันที สิ่งที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องพลิกโฉมหน้าวงการในวันนี้ อาจกลายเป็นเรื่องปกติทั่วไปหรือแม้กระทั่งไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป และอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ นักการทูตด้านข่าวกรองควรนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้แน่ใจว่าปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติยังคงยึดมั่นในคุณค่าและกฎหมายประชาธิปไตย ไม่ใช่บ่อนทำลายสิ่งเหล่านั้น

พล.อ. อกัส ซูบียันโต (ซ้าย) ผู้บัญชาการกองทัพอินโดนีเซีย และ พล.ร.อ. ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ชมการฝึกจู่โจมร่วมในระหว่างการฝึกซูเปอร์การูด้าชิลด์ในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 จ.อ. เคอร์ทิส เอ. แฮทเชอร์/กองทัพเรือสหรัฐฯ

กรอบการทำงานในอนาคต

ปัจจุบันมีโครงการริเริ่มมากมายที่กำลังดำเนินการระหว่างสหรัฐฯ พันธมิตร และหุ้นส่วน เพื่อรับมือกับความท้าทายเร่งด่วนที่สุดของภูมิภาค ในบริบทของขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกกำลังได้รับแรงสนับสนุนทางการเมืองและทรัพยากรทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศที่มีอุดมการณ์แบบเดียวกันควรใช้ประโยชน์และขยายผลจากความก้าวหน้าเหล่านี้ เพื่อเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมทุกคนที่เต็มใจเข้ามามีส่วนร่วมในการธำรงไว้ซึ่งภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง

ด้วยการทูตด้านข่าวกรองที่ยึดมั่นในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ความมั่นคงระดับภูมิภาค และสิทธิมนุษยชน พันธมิตรและหุ้นส่วนสามารถลดความสับสนเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเพิ่มโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบ่มเพาะความรู้เชิงสถาบัน การให้บริการข่าวกรองในฐานะประโยชน์สาธารณะ และการยอมรับเทคโนโลยีโดยให้ความสำคัญกับสิทธิประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างกรอบการทำงานที่เป็นระบบเพียงพอและปรับเปลี่ยนได้อย่างเพียงพอ เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจท่ามกลางความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของภูมิทัศน์ด้านความมั่นคงในปัจจุบัน

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button