ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดเรื่องเด่นโอเชียเนีย

การจับสัตว์น้ำที่ ผิดกฎหมาย

ประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันยังคงต่อกรกับการทำประมง ที่ไร้จรรยาบรรณของจีนในระดับโลก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

หมู่เกาะมาร์แชลล์ก้าวไปอีกขั้นในการต่อสู้กับการประมงผิดที่กฎหมายในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 เมื่อประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิก แห่งนี้ ซึ่งมีประชากร 82,000 คน ได้เข้าร่วมเป็นภาคีของข้อตกลงระหว่างประเทศที่เรียกว่า ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า อย่างเป็นทางการ สนธิสัญญานี้ได้รับการคิดค้นและนำมาใช้โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ซึ่งกำหนดมาตรฐานในการควบคุมเรือประมงที่เข้าสู่ท่าเรือในต่างประเทศ

หมู่เกาะมาร์แชลล์ ซึ่งเริ่มปฏิบัติตามข้อกำหนดของข้อตกลงนี้ใน พ.ศ. 2560 กลายเป็นประเทศที่ 105 และเป็นประเทศที่ 8 ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ โดยเข้าร่วมกับออสเตรเลีย ฟิจิ นิวซีแลนด์ ปาเลา ปาปัวนิวกินี ตองงา และวานูอาตู ข้อตกลงนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ใน พ.ศ. 2559 และตอนนี้ใช้กับประเทศชายฝั่งเกือบสองในสามทั่วโลก

ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่ามีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม โดยการเสริมสร้างเครื่องมือทางกฎหมายที่มีอยู่ให้กับประเทศต่าง ๆ เพื่อป้องกันเรือที่ขนปลาที่จับอย่างผิดกฎหมายไม่ให้เข้าเทียบท่า ประเทศเจ้าบ้านสามารถปฏิเสธการเข้าเทียบท่าของเรือที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ด้วยการควบคุมดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลการติดตามและเฝ้าระวังจากระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลระดับโลกขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ การตรวจสอบสถานที่ และเครื่องมืออื่น ๆ ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบังคับใช้ ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่าพยายามปิดกั้นการนำปลาที่จับได้อย่างผิดกฎหมายออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และออกแบบมาเพื่อห้ามปรามการประมงที่ผิดกฎหมาย

“หากเรือเหล่านี้ขึ้นบัญชีดำจากข้อตกลงนี้ ก็จะไม่สามารถนำปลาที่จับได้ขึ้นท่าเรือที่ใดในโลกได้” น.อ. แดเนียล ไซมอน อดีตเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ ซึ่งประสานงานกับกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก กล่าวกับ ฟอรัม “นี่คือเป้าหมายที่แท้จริง เพื่อให้เรือเหล่านี้มีความรับผิดชอบ หากพวกเขาทำสิ่งที่ผิด พวกเขาก็จะขาดรายได้”

เรือแล่นออกจากเมืองโจวชาน ประเทศจีน ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 และมุ่งหน้าไปทำประมงในทะเลจีนตะวันออก ซีเอฟโอทีโอ ผ่านทางรอยเตอร์

ประเทศในอินโดแปซิฟิกพึ่งพาทะเลในการทำการค้าขายเป็นอย่างมาก และอุตสาหกรรมการประมงเองก็เป็นแหล่งโปรตีนหลักสำหรับประชากรในภูมิภาค กฎหมายระหว่างประเทศให้สิทธิแก่ประเทศชายฝั่งแต่เพียงผู้เดียวในการใช้และรับประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งอุตสาหกรรมการประมงในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีระยะทาง 200 ไมล์ทะเล (ประมาณ 370 กิโลเมตร) จากชายฝั่ง การประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศใดก็ตามถือเป็นการละเมิดสิทธิอธิปไตยและเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือกลุ่มที่เปราะบางที่สุด การประมงขนาดเล็กคิดเป็นร้อยละ 40 ของปริมาณปลาที่จับได้ทั่วโลก และมีประชากร 492 ล้านคนที่พึ่งพาการประมงเหล่านี้เพื่อเป็นรายได้ การประมงขนาดเล็กเป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตของประชากรประมาณ 1,000 ล้านคน รวมถึงในประเทศในเอเชียและเกาะแปซิฟิก อีกทั้งในแอฟริกา แคริบเบียน และลาตินอเมริกา ตามรายงานของมูลนิธิเพื่อความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อมในสหราชอาณาจักร การประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมถือเป็นการเร่งให้จำนวนปลาทั่วโลกลดลง และ “บ่อนทำลายสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของชุมชนประมงชายฝั่ง” มูลนิธิดังกล่าวระบุ

ประมาณร้อยละ 20 ของปลาที่ขายทั่วโลกมีการจับอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการจับปลาทั้งหมด 14 ล้านตัน และมีผลกระทบทางเศรษฐกิจประมาณ 1.68 ล้านล้านบาท (ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปี ตามข้อมูลจากนักวิจัย กองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ เรียกการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมว่าเป็น “การขโมยทรัพยากรธรรมชาติของชาติอื่น” ขณะที่องค์กรกรีนพีซสากลระบุว่าเป็น “การปล้นกลางวันแสก ๆ ในทะเลหลวง”

“ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมเป็นปัญหาระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล คุกคามความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอาหาร และสร้างความเสียเปรียบให้กับชาวประมงที่ปฏิบัติตามกฎหมายและผู้ผลิตอาหารทะเล” ตามรายงาน พ.ศ. 2565 ของคณะทำงานระหว่างหน่วยงานของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมที่ยื่นต่อรัฐสภาสหรัฐฯ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นตัวการหลัก

การประมงที่ผิดกฎหมายยังเป็นภัยคุกคามต่อกลุ่มแรงงานที่เปราะบางและประชากรที่ด้อยโอกาส ซึ่งมักจะถูกล่อลวงให้ขึ้นเรือด้วยข้อตกลงการจ้างงานที่หลอกลวง และต้องติดอยู่ในการทำงานเช่นนี้เป็นเวลาหลายปีในสภาพที่ถูกละเมิด ขาดการดูแลทางการแพทย์ และขาดแคลนอาหาร ทำให้อาชีพที่เป็นอันตรายอยู่แล้วเลวร้ายลงอีก มีประชากรประมาณ 128,000 คนทั่วโลกถูกบังคับให้ทำงานบนเรือ ตามการประเมินใน พ.ศ. 2565 จากองค์การแรงงานระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นตัวการหลักในการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เรือที่ติดธงชาติจพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นเรือที่ละเมิดกฎการประมงระหว่างประเทศมากที่สุดและอยู่ในอันดับที่แย่ที่สุดจาก 152 ประเทศ (รัสเซียแย่เป็นอันดับสอง) ในดัชนีการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมประจำ พ.ศ. 2566 ที่พัฒนาโดยกลุ่มที่ปรึกษาหน่วยจัดการทรัพยากรทางน้ำโพไซดอนในสหราชอาณาจักรและโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติในเจนีวา

ถึงแม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะไม่ได้เป็นภาคีของข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า แต่ข้อตกลงระหว่างประเทศนี้ก็อนุญาตให้ประเทศอื่น ๆ ปฏิเสธการให้เข้าเทียบท่าของเรือที่ติดธงชาติพรรคคอมมิวนิสต์จีนและต้องสงสัยว่ามีการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

กองกำลังรักษาชายฝั่งและกองทัพเรือจากสิบกว่าประเทศได้รวมตัวกันที่เอกวาดอร์และหมู่เกาะกาลาปากอสเพื่อเข้าร่วมการฝึกซ้อมกาลาเพ็กซ์ในช่วงกลาง พ.ศ. 2567 เป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยมุ่งเน้นไปที่การต่อต้านการทําประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ

อีกทั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังเป็นผู้บังคับใช้แรงงานบนเรือประมงอันดับต้น ๆ ตามรายงานของแนวร่วมความโปร่งใสทางการเงินในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประมาณร้อยละ 25 ของเรือประมงเชิงพาณิชย์ที่สงสัยว่ามีการใช้แรงงานบังคับเป็นเรือธงจีน ตามการศึกษาของกลุ่มแนวร่วมในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ซึ่งเน้นศึกษาเรือที่ดำเนินธุรกิจในทะเลหลวงหรือในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศอื่น

ระหว่าง พ.ศ. 2560 ถึง พ.ศ. 2566 เรือจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกี่ยวข้องกับคดีการประมงผิดที่กฎหมายหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ถึง 86 คดี เรือจีนเกือบครึ่งหนึ่งจากเรือ 95 ลำที่ได้รับอนุญาตให้จับปลาทูน่าในบริเวณดังกล่าวเชื่อมโยงกับอาชญากรรมเหล่านี้ ซึ่งเป็นการลดทอนคำกล่าวอ้างของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้ ตามรายงานของมูลนิธิเพื่อความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อมในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567

ข้อมูลวิเคราะห์ใน พ.ศ. 2567 ของโอเชียน่าซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พบว่าเรือประมงกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ห่างไกลมากขึ้นและอยู่ในทะเลนานขึ้นเพื่อค้นหาปลาที่มีมูลค่า เช่น ปลาทูน่าและปลาหมึก เรือเกือบ 3,000 ลำใช้เวลาอยู่ในทะเลมากกว่าหกเดือนใน พ.ศ. 2566 โดยบางลำหลีกเลี่ยงการจอดเทียบท่าเรือไปนานกว่าสองปี การเดินเรือที่ยาวนานอาจบ่งบอกได้ว่ามีการจับปลาจากการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือมีการบังคับใช้แรงงาน ตามรายงานของโอเชียน่า

มีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมเพิ่มมากขึ้นจากกองเรือประมงน้ำลึกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งรวมถึงเรือลากอวนขนาดใหญ่ที่มีเรือสนับสนุน เรือแช่แข็ง และเรือขนส่งร่วมปฏิบัติการ พล.ร.อ. ไมค์ สจู๊ดแมน ผู้เกษียณอายุราชการจากกองทัพเรือสหรัฐฯ เขียนในบทความ พ.ศ. 2566 ให้กับนิตยสารนิวส์วีค กองเรือประมงเชิงอุตสาหกรรมเหล่านี้ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีขอบเขตทั่วโลก โดยใช้ตาข่ายลากที่กวาดจับทุกสิ่งในเส้นทาง โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายการประมงหรือการยินยอมของประเทศชายฝั่ง พล.ร.อ. สจู๊ดแมน อดีตผู้บัญชาการสำนักงานข่าวกรองกองทัพเรือ กล่าว

กองเรือประมงสากลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำนวน 4,600 ลำเป็นกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และแผ่ขยายเข้าไปในทะเลหลวงมากขึ้นในแต่ละปี ตามรายงานของสถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ เรือประมงที่ติดธงชาติจีนหลายลำและลูกเรือเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลของรัฐบาลจีนที่ช่วยเฝ้าระวัง ทั้งยังได้รับการฝึกอบรมและรับเงินทุนเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางทหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

การบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

การบังคับใช้ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่าถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ตามรายงานขององค์การอาหารและการเกษตร และผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการตรวจสอบเรือที่จอดอยู่ในท่าเรือเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยกว่าการส่งเรือตรวจการณ์ไปติดตามและจับกุมผู้ที่อาจกระทำผิดในน่านน้ำเปิด องค์การอาหารและการเกษตรระบุว่า “ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่ามีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพทางทะเลและระบบนิเวศทางทะเลในระยะยาว รวมถึงการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน”

เปรูได้ประกาศในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ว่าจะกำหนดให้เรือต่างชาติที่เข้าสู่น่านน้ำของตนต้องติดตั้งระบบติดตามผ่านดาวเทียมเพื่อควบคุมการทำประมงที่ผิดกฎหมาย มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเรือประมงจีนบริเวณชายฝั่งตอนเหนือของเปรู สำนักข่าวลาตินอเมริกา ผ่านทางรอยเตอร์

ในช่วงแรก รัฐบาลในบางประเทศลังเลที่จะเข้าร่วม เพราะกังวลว่าการปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่าอาจทำให้กิจกรรมในท่าเรือล่าช้าและมีรายได้ลดลง อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาท่าเรือ 6 แห่งใน 5 ประเทศ รวมทั้งหมู่เกาะมาร์แชลล์และไทย นักวิจัยพบว่าข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่าไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดต่อการเคลื่อนไหวของเรือต่างชาติในท่าเรือส่วนใหญ่ “ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากโรงงานแปรรูปที่จัดตั้งขึ้น พื้นที่ทำการประมง และบริการเรือใกล้ท่าเรือเหล่านี้ มีมูลค่ามากกว่าความเสี่ยงที่เรือประมงจะย้ายไปยังท่าเรือที่มีกฎระเบียบผ่อนปรนกว่า” ตามรายงานของการศึกษาใน พ.ศ. 2565 ซึ่งได้รับมอบหมายจากกองทุนเพื่อสำนักวิจัยพิวในสหรัฐฯ และดำเนินการโดยเอ็มอาร์เอจี เอเชียแปซิฟิก บริษัทที่ปรึกษาในออสเตรเลีย “การศึกษายังพบว่าระยะเวลาที่เรือจอดเทียบท่าโดยรวม ในเกือบทุกกรณี ยังคงเท่าเดิมทั้งก่อนและหลังการบังคับใช้มาตรการควบคุมท่าเรือที่เข้มงวดขึ้น”

ใน พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นเวลาสองปีหลังจากที่เริ่มบังคับใช้ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า นักวิจัยจากสำนักวิจัยพิวระบุว่า “สนธิสัญญาฉบับเดียวสามารถสร้างกลไกที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อสู้กับการละเลยกฎหมายและนโยบายด้านการประมงในวงกว้างได้หรือไม่ เราเชื่อว่าคำตอบคือได้ แต่ข้อตกลงจะดีได้ก็ต่อเมื่อคู่สัญญาปฏิบัติตามและบังคับใช้เท่านั้น”

เนื่องจากผู้ประกอบการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมมักอาศัยช่องโหว่ของท่าเรือที่มีการบังคับใช้กฎหมายหละหลวมหรือมีศักยภาพในการตรวจสอบจำกัด องค์การอาหารและการเกษตร ร่วมด้วยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติจึงให้การฝึกอบรมแก่ประเทศต่าง ๆ ในการบังคับใช้ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติให้ความเชี่ยวชาญด้านการรวบรวมและเตรียมข้อมูล รวมถึงทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ เช่น สภาการจัดการประมงภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เพื่อให้มั่นใจว่า “มีสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมสำหรับการทำประมงอย่างถูกกฎหมาย และไม่มีการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎ” น.อ. ไซมอน ิ กล่าว

โครงการฝึกอบรมระดับโลกขององค์การอาหารและการเกษตรประกอบด้วยหลักสูตรระยะเวลา 3 สัปดาห์สำหรับผู้ตรวจสอบท่าเรือ และหลักสูตรขั้นสูงระยะเวลา 2 สัปดาห์สำหรับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวัง ผู้เข้าร่วม 25 คนจาก 19 ประเทศได้สำเร็จหลักสูตรขั้นสูงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ยังช่วยฝึกอบรมผู้ตรวจสอบ 35 คนจากศูนย์เฝ้าระวังการประมงของมาดากัสการ์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 และผู้ตรวจสอบ 24 คนจาก 15 ประเทศในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ในการฝึกอบรมที่จัดขึ้นในสเปนและได้รับการรับรองโดยเกาหลีใต้

การบังคับใช้ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่ามีความเข้มงวดมากกว่าในประเทศกำลังพัฒนาเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามรายงานของนักวิจัยในบทความของวารสารมารีน โพลิซี ฉบับเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 เรื่อง “แหล่งหลบภัยของการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือท่าเรือตามข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า: การประเมินทั่วโลกเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความเสี่ยงของรัฐเจ้าของท่าเรือ” การศึกษาพบว่าในภูมิภาคแปซิฟิก หมู่เกาะคุกและวานูอาตูเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดที่เรือประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมจะเข้ามาหาประโยชน์ในท่าเรือของตน ในพื้นที่อื่นของอินโดแปซิฟิก ศรีลังกาเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในเอเชียต่อการเข้ามาหาผลประโยชน์ ซึ่งสะท้อนถึง “ผลงานที่โดดเด่นในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมร่วมกับกลุ่มประเทศในเอเชีย” ความพยายามของศรีลังกานั้นรวมถึงการตัดสินใจใน พ.ศ. 2560 ที่จะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่สั่งห้ามการทำประมงด้วยอวนลากพื้นทะเลและการใช้อวนลากทำลายล้าง

เจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือฟิจิ หน่วยงานรัฐบาล และกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ ตรวจสอบเรือประมงในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิจิในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงบังคับใช้กฎหมายทางทะเลทวิภาคีที่เรียกว่า โครงการชิปไรเดอร์ พ.จ.ท. ชาร์ลี เทาท์เฟสต์/กองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ

แม้จะมีความก้าวหน้าเหล่านี้ แต่การทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมยังคงเป็นภัยพิบัติระดับโลก โดยรายงานของยูเอ็นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับการรับรองใน พ.ศ. 2558 ระบุถึงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการทำประมง ปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้อย่างยั่งยืนทั่วโลกลดลงจากร้อยละ 90 ใน พ.ศ. 2517 เหลือต่ำกว่าร้อยละ 63 ใน พ.ศ. 2564 โดยแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจุดที่ลดลงมากที่สุด ซึ่งเป็นภูมิภาคที่รวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัสเซีย สองประเทศที่เป็นผู้กระทำผิดหลักในการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ใน พ.ศ. 2564 มีเพียงร้อยละ 44 ของปริมาณสัตว์น้ำที่ยังคงอยู่ในระดับที่ยั่งยืน ซึ่งลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับ พ.ศ. 2548 สาเหตุมาจากการทำประมงเกินขนาด มลพิษ และการจัดการที่ไม่ดี

การต่อสู้ระดับโลก

ประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันทั่วทั้งอินโดแปซิฟิกกำลังร่วมมือกันเพื่อต่อต้านการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม รวมถึงการลาดตระเวนร่วมกันระหว่างหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ และหน่วยงานหุ้นส่วนในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการบลูแปซิฟิก ที่ส่งเสริมความปลอดภัย ความมั่นคง อธิปไตย และความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ภายใต้ข้อตกลงทวิภาคีด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล ซึ่งรู้จักกันในชื่อโครงการชิปไรเดอร์ เจ้าหน้าที่ทหารและ/หรือเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทางทะเลของแต่ละประเทศสามารถขึ้นเรือของอีกฝ่ายหนึ่ง และบังคับใช้กฎหมายภายในน่านน้ำและเขตเศรษฐกิจพิเศษของอีกฝ่ายได้ เช่น เรือคัตเตอร์ของหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ แฮเรียต เลน ได้ดำเนินการขึ้นเรือตรวจสอบประมาณ 30 ครั้งภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศหุ้นส่วนระหว่างการลาดตระเวนเป็นเวลา 79 วัน ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ประเทศที่เข้าร่วมประกอบไปด้วย หมู่เกาะคุก ฟิจิ คิริบาส หมู่เกาะมาร์แชลล์ ไมโครนีเซีย นาอูรู ปาเลา ปาปัวนิวกินี ซามัว ตองงา ตูวาลู และวานูอาตู

หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ยังได้จัดตั้งศูนย์ความเชี่ยวชาญด้านการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมในฮาวาย เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ศูนย์แห่งนี้ร่วมมือกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับการประมงที่ผิดกฎหมายในอินโดแปซิฟิก ส่งเสริมการประสานงานระดับภูมิภาค และพยายามเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศหุ้นส่วน อีกทั้งยังพยายามเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล แลกเปลี่ยนข้อมูล และเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกัน

กองกำลังรักษาชายฝั่งและกองทัพเรือจากสิบกว่าประเทศได้รวมตัวกันที่เอกวาดอร์และหมู่เกาะกาลาปากอสในช่วงกลาง พ.ศ. 2567 เพื่อเข้าร่วมการฝึกซ้อมกาลาเพ็กซ์ พ.ศ. 2567 เป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยมุ่งเน้นไปที่การต่อต้านการทําประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ประเทศที่เข้าร่วมในการฝึกซ้อมครั้งที่สามนี้ประกอบด้วย แคนาดา โคลอมเบีย คอสตาริกา สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ ฝรั่งเศส อิตาลี ปานามา เปรู เกาหลีใต้ สเปน สหราชอาณาจักร อุรุกวัย และสหรัฐฯ หลังจากนั้น เอกวาดอร์ประกาศแผนปกป้องหมู่เกาะกาลาปากอสจากวิธีการทำประมงแบบล่าเหยื่อของเรือประมงจพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งคุกคามความหลากหลายทางทะเลมาเป็นเวลาหลายปี ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเปรูกล่าวว่าจะออกกฎระเบียบที่กำหนดให้เรือจากต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำของตนต้องติดตั้งระบบติดตามผ่านดาวเทียม มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากภาคการประมงของเปรูร้องเรียนเกี่ยวกับเรือประมงพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ปฏิบัติการนอกชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศ

ใน พ.ศ. 2560 เจ้าหน้าที่เอกวาดอร์ได้ยึดเรือประมงพรรคคอมมิวนิสต์จีนขณะแล่นผ่านเขตสงวนทางทะเลกาลาปากอส ซึ่งเป็นคดีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เรือดังกล่าวบรรทุกปลาฉลามและปลาอื่น ๆ มากกว่า 300 ตัน รวมถึงปลาที่ใกล้สูญพันธุ์ 12 ชนิด เอกวาดอร์ได้รับกรรมสิทธิ์ทางกฎหมายในเรือที่ยึดได้เมื่อ พ.ศ. 2563 และนำไปใช้ในการปฏิบัติการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน “จากเรือผิดกฎหมายที่เคยขนส่งฉลามจำนวนมากออกจากเขตสงวนทางทะเลกาลาปากอส” นาวาโท บอริส โรดาส จากกองทัพเรือเอกวาดอร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว “ตอนนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมความพยายามของเราในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย”

ในการประชุมผู้นำหมู่เกาะแปซิฟิกครั้งที่ 10 ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ที่โตเกียว นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นว่าญี่ปุ่นจะสนับสนุนการต่อต้านการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และเน้นย้ำว่ามหาสมุทรแปซิฟิกที่มีเสถียรภาพและเปิดกว้างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสันติภาพและความมั่นคงของญี่ปุ่นและประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น แผนปฏิบัติการของการประชุมผู้นำหมู่เกาะแปซิฟิกเรียกร้องให้มีการกระชับความร่วมมือในการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังเรือ รวมถึงการใช้ข้อมูลดาวเทียมจากองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น ประเทศเหล่านี้ยังระบุด้วยว่าจะเสริมสร้างการจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน จัดให้มีการเจรจาและการสัมมนากับหน่วยงานประมงการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก และใช้ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่าเพื่อ “ป้องกัน ยับยั้ง และกําจัด” การประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button