กองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นเริ่มการปรับปรุงครั้งประวัติศาสตร์เพื่อเปลี่ยนเป็นกองบัญชาการร่วม

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงครั้งประวัติศาสตร์ให้กับกองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นสู่การเป็นกองบัญชาการร่วมอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายขอบเขตความรับผิดชอบในการปฏิบัติการและส่งเสริมการป้องปราม เพื่อธำรงไว้ซึ่งภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง
การยกระดับนี้ “จะช่วยเสริมศักยภาพของเราในการประสานการปฏิบัติงานกับกองบัญชาการปฏิบัติการร่วมของญี่ปุ่น” ซึ่งเพิ่งเริ่มปฏิบัติงานเมื่อไม่นานนี้ นายพีต เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวภายหลังการประชุมกับนายเก็น นากาทานิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568
ด้วยการบูรณาการกองกำลังทางอากาศ ทางบก ทางทะเล อวกาศ และไซเบอร์ของสหรัฐฯ ให้อยู่ภายใต้กองบัญชาการเดียวในญี่ปุ่น สองพันธมิตรที่ยืนยาวนี้จะสามารถคาดการณ์และรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนคุกคามไต้หวันซึ่งปกครองตนเอง การอ้างสิทธิ์ในอำนาจอธิปไตยอย่างผิดกฎหมายของรัฐบาลจีนเหนือหมู่เกาะเซ็งกะกุซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก รวมถึงโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งต่างละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
กองบัญชาการของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะยกระดับความสามารถในการทำงานร่วมกันและการประสานงานกัน ทั้งด้านการประสานข่าวกรอง การลาดตระเวน การสอดแนม และการรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์
กองกำลังของเรา “ยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นในทุก ๆ วัน” นายเฮกเซธกล่าว “เราดำเนินการและฝึกอบรมร่วมกันในทุกขอบเขตเพื่อธำรงไว้ซึ่งการป้องปราม สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นยืนหยัดร่วมกันอย่างมั่นคงเพื่อเผชิญหน้ากับการกระทำเชิงก้าวร้าวและบีบบังคับของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
“ญี่ปุ่นจะเป็นปราการด่านแรกของวิกฤตใด ๆ ก็ตามที่เราอาจต้องเผชิญในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก และเราจะยืนหยัดร่วมกันในการสนับสนุนซึ่งกันและกัน” นายเฮกเซธกล่าวเสริม
นายนากาทานิกล่าวว่ากองกำลังของทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะ “ดำเนินกิจกรรมร่วมกันแบบทวิภาคีอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ภาวะสงบจนถึงช่วงวิกฤต” โดยให้ความสำคัญกับการมีบทบาทมากขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น รวมถึงเป้าหมายสำคัญอื่น ๆ ด้วย
นายนากาทานิยังกล่าวอีกว่า ญี่ปุ่นจะผลักดันความร่วมมือพหุภาคีกับหุ้นส่วนในภูมิภาค เช่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ “เพื่อป้องกันความพยายามใด ๆ ก็ตามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโดยใช้กำลัง … และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”
กองบัญชาการร่วมแห่งใหม่นี้จะอยู่ภายใต้การบัญชาการของกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิกที่ตั้งอยู่ในรัฐฮาวาย และจะรับหน้าที่วางแผนและสั่งการกองกำลังสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ในญี่ปุ่นทั้งในช่วงสงบและในยามวิกฤต โดยกองกำลังของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ภายใต้โครงสร้างการบังคับบัญชาของประเทศตนเอง โดยไม่ได้รวมศูนย์บัญชาการแบบที่ใช้กับกองกำลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้บนคาบสมุทรเกาหลี
นายเฮกเซธกล่าวว่าจะมีการเพิ่มกำลังพลของสหรัฐฯ ในกองบัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น ซึ่งจะได้รับการปรับโครงสร้าง “ให้กลายเป็นกองบัญชาการรบ”
กองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2500 โดยมีหน้าที่บริหารความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น และข้อตกลงว่าด้วยสถานภาพของกองกำลัง โดยดูแลกำลังพลจากกองทัพอากาศ กองทัพบก นาวิกโยธิน กองทัพเรือ และกองทัพอวกาศราว 60,000 นายที่ประจำการอยู่ในญี่ปุ่นภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือและความมั่นคงร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น พ.ศ. 2503