กองกำลังรักษาชายฝั่งระบุว่า การกลั่นแกล้งของจีนไม่มีวันลดทอนอำนาจอธิปไตยของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ได้

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
การบีบบังคับของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในทะเลจีนใต้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีรายงานว่าเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนได้พยายามพุ่งชนเรือลาดตระเวนของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์บริเวณสันดอนสกาโบโรห์
กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ระบุว่า การกลั่นแกล้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่สามารถขัดขวางการปฏิบัติภารกิจในการแสดงอำนาจอธิปไตยของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้โดยไม่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้นได้
เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนเผชิญหน้ากับเรือ บีอาร์พี คาบรา ของฟิลิปปินส์ติดต่อกันเป็นเวลาสองวัน หลังจากที่ลูกเรือฟิลิปปินส์แจ้งเตือนว่าเรือจีนลำนั้นกำลังลาดตระเวนภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในวิดีโอที่กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์เผยแพร่ แสดงให้เห็นว่าเรือจีนขนาดใหญ่ไล่ตามเรือคาบรา และเคลื่อนที่อย่างก้าวร้าวอยู่ด้านหลัง ซึ่งอาจเป็นการพยายามใช้ท้องเรือที่เสริมความแข็งแกร่งพุ่งชนเรือฟิลิปปินส์
ในวันที่สอง เรือจีน “พยายามพุ่งชนด้านท้ายของเรือ บีอาร์พี คาบรา อยู่หลายครั้ง” ตามรายงานของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ ในท้ายที่สุด ลูกเรือจีนได้ส่ง “เรือขนาดเล็กที่มีความเร็วสูงกว่าเพื่อพยายามพุ่งชนเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์อีกครั้ง” แต่เรือ บีอาร์พี คาบรา สามารถหลบหลีกและหลีกเลี่ยงการปะทะนั้นได้ พล.ร.จ. เจย์ ทาร์ริเอล่า โฆษกของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ กล่าว
“แม้ว่ากองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์จะสื่อสารผ่านวิทยุเพื่อยืนยันถึงความไม่ชอบธรรมของการกระทำดังกล่าว แต่กองกำลังรักษาชายฝั่งจีนยังคงอ้างว่ากำลังปฏิบัติการทางทะเลอย่างชอบด้วยกฎหมาย” พล.ร.จ. ทาร์ลิเอล่า กล่าว ตามรายงานของสำนักข่าวฟิลสตาร์
เหตุการณ์นี้ได้รับการประณามจากรัฐบาลฟิลิปปินส์อย่างรวดเร็ว นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ระบุว่าปฏิบัติการที่อันตรายเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล ตามรายงานของสื่อ นายฟรานซิส โตเลนติโน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ได้ประณามการกระทำที่ “มุทะลุและเป็นอันตราย” พร้อมระบุว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง และเป็นการดูหมิ่นต่ออธิปไตยของฟิลิปปินส์ ตามรายงานของสำนักข่าวฟิลิปปินส์
บีอาร์พี คาบรา ได้ตรวจพบเรือจีนที่อยู่ในน่านน้ำอธิปไตยของฟิลิปปินส์ โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองปาเลาอิก จังหวัดแซมบาเลส ประมาณ 85 ไมล์ทะเล รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ที่อุดมไปด้วยทรัพยากร รวมถึงสันดอนสการ์โบโรห์ แม้ว่าใน พ.ศ. 2559 ศาลระหว่างประเทศได้ตัดสินไปแล้วว่าการอ้างสิทธิ์ในอาณาเขตนั้นไม่อยู่บนพื้นฐานทางกฎหมาย การอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่อย่างกว้างขวางในทะเลจีนใต้ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังรุกล้ำเข้าไปในดินแดนที่บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนามอ้างสิทธิ์อยู่ด้วย
เหตุการณ์เผชิญหน้าครั้งนี้ดำเนินต่อไปด้วยการกดดันเชิงบีบบังคับอย่างก้าวร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเกิดขึ้นทั้งทางทะเลและทางอากาศ โดยรวมถึง:
- เมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 เรือจีนได้ขัดขวางเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์สองลำที่กำลังลาดตระเวนตามปกติอยู่ทางตะวันออกของสันดอนสกาโบโรห์ รายงานของหนังสือพิมพ์ มะนิลา ไทมส์
- ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้บินเข้าใกล้เครื่องบินของสำนักงานประมงฟิลิปปินส์ในระยะเพียง 3 เมตรเหนือสันดอนสการ์โบโรห์
- ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 เครื่องบินของกองทัพปลดปล่อยประชาชนสองลำได้ทำการเคลื่อนที่อย่างเป็นอันตรายและทิ้งพลุไฟในเส้นทางของเครื่องบินกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังบินลาดตระเวนตามปกติเหนือสันดอนสการ์โบโรห์
- ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ได้รื้อถอนเชือกและอวนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนติดตั้งไว้ เพื่อปิดกั้นไม่ให้เรือฟิลิปปินส์เข้าไปทำประมงที่แหล่งประมงสำคัญในทะเลจีนใต้ ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์มองสิ่งกีดขวางเหล่านี้ว่าเป็นอันตรายต่อการเดินเรือและ “ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน”
“ฟิลิปปินส์จะไม่ยอมให้จีนทำให้การลาดตระเวนที่ผิดกฎหมายเช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติ” พล.ร.จ. ทาร์ริเอล่า กล่าวหลังเหตุการณ์การปะทะครั้งล่าสุด