ความร่วมมือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การฝึกคอบร้าโกลด์เสริมสร้างความร่วมมือพหุภาคีในอินโดแปซิฟิก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

กำลังพลมากกว่า 8,200 นายจาก 30 ประเทศเข้าร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ครั้งที่ 44 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย โดยมีไทยและสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ

กำลังพลหลักจากอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ได้เข้าร่วมการฝึกนี้ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม พ.ศ. 2568 เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรและหุ้นส่วน ตลอดจนส่งเสริมพันธกรณีด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาค

Defense forces from Indonesia, Japan, Malaysia, Singapore, South Korea, Thailand and the United States participate in the Cobra Gold opening ceremony in Korat, Thailand, in February 2025. “Cobra Gold will symbolize the enduring strength of our land power network and our shared goals,” said Gen. Ronald P. Clark, commanding general of U.S. Army Pacific. “Because as Allies, Partners and friends, many of us know the tremendous cost of war. Therefore, we must remain ready to prevent that cost and lives lost.”
VIDEO CREDIT: SENIOR AIRMAN AKEEM CAMPBELL/U.S. AIR FORCE

“คอบร้าโกลด์เป็นการฝึกซ้อมทางทหารระดับนานาชาติที่ดำเนินมาอย่างยาวนานที่สุดในโลก” นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าว

“การฝึกนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่ยั่งยืน และเป็นเสาหลักของพันธกรณีของเราต่อภูมิภาค” นายโกเดคกล่าว “คอบร้าโกลด์ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกัน ขับเคลื่อนผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นการแสดงออกถึงคำมั่นสัญญาที่ต่อเนื่องของเราต่อพันธมิตรและหุ้นส่วนในการร่วมมือกันเพื่อรับรองถึงภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”

พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากประเทศที่เข้าร่วมการฝึก ได้เข้าร่วมพิธีเปิด ตามรายงานของสำนักข่าวนิกเคอิเอเชีย

“คอบร้าโกลด์เป็นสิ่งที่หมายถึงความร่วมมือของเรา” พล.อ. โรนัลด์ พี. คลาร์ก ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก กล่าว “ความร่วมมือที่ดำรงอยู่ในระยะยาวและจำเป็นต้องมีการลงทุนลงแรง”

“เรามีเป้าหมายเดียวกันในภูมิภาคนี้ นั่นคือการป้องกันสงครามด้วยการรักษาความพร้อมร่วมกัน” พล.อ. คลาร์กกล่าว “การป้องกันสงครามต้องอาศัยความพยายามหลายประการ ดังนั้นต้องขอขอบคุณประเทศไทยที่ได้ทุ่มเทความพยายามในปีนี้สำหรับการฝึกคอบร้าโกลด์ครั้งที่ 44”

การฝึกซ้อมประกอบด้วยการฝึกบังคับบัญชาและควบคุม การฝึกภาคสนามขนาดใหญ่ การยกพลขึ้นบก และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น การบรรเทาภัยพิบัติและโครงการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังเน้นการป้องกันทางไซเบอร์ ปฏิบัติการด้านอวกาศ และยุทธวิธีต่อต้านโดรน เป็นครั้งแรกของการฝึกคอบร้าโกลด์ที่ทหารไทยและสหรัฐฯ ได้ร่วมกันทดสอบการยิงขีปนาวุธสติงเกอร์แบบภาคพื้นสู่อากาศจริง ตามรายงานของหนังสือพิมพ์สตาร์สแอนด์สไตรป์สll

ทหารสาธารณรัฐเกาหลีทำการฝึกยกพลขึ้นบกที่หาดยาว จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ในระหว่างการฝึกคอบร้าโกลด์ พ.ศ. 2568
ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

คอบร้าโกลด์แสดงให้เห็นถึง “ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของสงครามสมัยใหม่” ร.อ. เจนนิเฟอร์ เมสซินา โฆษกกองพลทหารราบที่ 7 ของกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก กล่าวกับสตาร์สแอนด์สไตรป์ส

หนึ่งในกิจกรรมสำคัญของการฝึกครั้งนี้คือ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกองพลรบพิเศษที่ 1 ของกองทัพบกไทยและหน่วยปฏิบัติการพิเศษสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก ผ่านโครงการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จัดขึ้นก่อนเริ่มการฝึก

“การมีโครงการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในฐานะส่วนหนึ่งของคอบร้าโกลด์ พ.ศ. 2568 แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของผู้นำไทยและสหรัฐฯ ต่อสงครามทางความคิด” พ.อ. สก็อตต์ มาโลน ผู้เกษียณอายุราชการและเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของมหาวิทยาลัยปฏิบัติการพิเศษร่วม กล่าว โครงการแลกเปลี่ยนดังกล่าวจัดโดยมหาวิทยาลัยปฏิบัติการพิเศษร่วม และมีส่วนช่วยเสริมสร้างแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศผ่านการสนทนาและการสาธิตในภาคปฏิบัติ

นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการต่อต้านองค์กรอาชญากรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่ดำเนินการหลอกลวงทางออนไลน์จากเมียนมาใกล้ชายแดนไทยซึ่งมักมีการบังคับใช้แรงงาน ตามรายงานของนิกเคอิเอเชีย

ขณะเดียวกัน กองทัพบกไทยและกองทัพบกสหรัฐฯ ได้ร่วมมือกันก่อสร้างโรงเรียนบ้านซับเต่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจด้านมนุษยธรรมที่ช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์และความเคารพซึ่งกันและกัน ภารกิจนี้มีกำลังพลจากกองทัพอินเดียเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย ซึ่งสะท้อนถึงคำขวัญที่ได้ยินบ่อยครั้งในการฝึก ซึ่งกล่าวไว้ว่า “ร่วมกัน เราแข็งแกร่งขึ้น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button