ทรัพยากรส่วนรวมของโลกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิงคโปร์ลงทุนในระบบไร้คนขับและปรับโครงสร้างกองทัพท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านประชากร

ซาราห์ ชาน

สิงคโปร์กำลังเสริมการใช้งานระบบไร้คนขับและปรับโครงสร้างกำลังพลของกองทัพ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรส่งผลให้จำนวนผู้ที่มีศักยภาพในการเป็นกำลังพลใหม่ลดลง

กระทรวงแรงงานของสิงคโปร์ระบุว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา อัตราส่วนของประชากรวัยทำงานต่อผู้เกษียณอายุลดลงจาก 6 ต่อ 1 เหลือน้อยกว่า 4 ต่อ 1

กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์เป็นผู้นำในโครงการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุต่อความเข้มแข็งของกองกำลังและประสิทธิภาพของกองทัพ ดร. อึ้ง เอ็ง เฮ็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการลดลงของจำนวนทหารถือเป็น “ความท้าทายภายในที่ใหญ่ที่สุด” ที่กองทัพสิงคโปร์ต้องเผชิญ เช่น กระทรวงกลาโหมระบุว่า กองทัพเรือคาดการณ์ว่าจำนวนกำลังพลจะลดลง 30% ภายใน พ.ศ. 2587 ตามรายงานของดีเฟนส์นิวส์ สื่อสิ่งพิมพ์จากสหรัฐอเมริกา ดร. อึ้งเน้นย้ำถึงมาตรการที่นำมาใช้เพื่อรับมือกับปัญหานี้ เช่น การเพิ่มระบบอัตโนมัติ และการมอบหมายงานให้แก่ทหารเกณฑ์และกำลังพลสำรอง หรือที่เรียกว่า “เอ็นเอสเมน” ตามทักษะจากภาคพลเรือนของแต่ละบุคคลเพื่อเสริมประสิทธิภาพของกองทัพ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดังกล่าวและการบริหารกำลังพลอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพสิงคโปร์ นายมูฮัมหมัด ไฟซาล อับดุล ราห์มาน นักวิจัยแห่งวิทยาลัยนานาชาติศึกษา เอส. ราชารัตนัมของสิงคโปร์ กล่าวกับ ฟอรัม

“สิงคโปร์จำเป็นต้องมีกำลังพลที่เพียงพอในกองทัพเพื่อสร้างศักยภาพในการยับยั้งภัยคุกคามทางทหารจากภายนอก ทั้งในขอบเขตทางกายภาพและทางไซเบอร์” นายไฟซาลกล่าว

นายไฟซาลกล่าวว่า ในการใช้กำลังพลอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องทำการมอบหมายหน้าที่ที่เคยมอบหมายให้ทหารกองประจำการให้กับทหารเกณฑ์มากขึ้น ซึ่งทหารเกณฑ์กลุ่มนี้โดยทั่วไปมีอายุระหว่าง 18 ถึง 24 ปี หรือให้กับกำลังพลสำรอง ซึ่งมักมีอายุมากกว่าและมีทักษะเฉพาะทาง ความจำเป็นด้านความพร้อมในการปฏิบัติการ “ทำให้ทหารเกณฑ์และกำลังพลสำรองจำเป็นต้องมีทักษะและความรู้ที่เพียงพอในการปฏิบัติภารกิจร่วมกับทหารอาชีพในสนามรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายไฟซาลกล่าว

ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ยังลงทุนครั้งใหญ่ในระบบไร้คนขับสำหรับกองทัพบกและกองทัพเรือเพื่อชดเชยจำนวนกำลังพลที่ลดลง นายโธมัส ลิม และนายเอียน ลี เขียนไว้ในบทวิเคราะห์ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ของโรงเรียนการศึกษานานาชาติ เอส. ราชารัตนัม ระบบเหล่านี้รวมถึงเรือผิวน้ำไร้คนขับของกองบัญชาการความมั่นคงทางทะเลของกองทัพเรือ และอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กของกองทัพบก เรือผิวน้ำไร้คนขับของกองบัญชาการความมั่นคงทางทะเลเริ่มดำเนินปฏิบัติการลาดตระเวนในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ตามข้อมูลจากกระทรวงกลาโหม

“เนื่องจากกองทัพสิงคโปร์ตั้งเป้าดำเนินงานโดยมีกำลังพลลดลงหนึ่งในสามภายใน พ.ศ. 2573 การนำเรือผิวน้ำไร้คนขับของกองบัญชาการความมั่นคงทางทะเลมาใช้งานจึงสะท้อนแนวคิดการใช้เทคโนโลยีเป็นแรงสนับสนุนกำลังรบได้อย่างชัดเจน ระบบนี้อาจสามารถทดแทนภารกิจที่เคยใช้เรือที่มีลูกเรือปฏิบัติการ อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติงานได้ยาวนานขึ้นและช่วยให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย” นายลิมและนายลีเขียน

ทั้งสองคนยังระบุว่าอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กมีจุดประสงค์เพื่อเสริมภารกิจของทหารราบขั้นพื้นฐานและสนับสนุนการเคลื่อนกำลังของกำลังพล โดยโดรนเหล่านี้ได้รับการนำมาใช้งานเป็นครั้งแรกในระหว่างการฝึกฟอร์จิงเซเบอร์ พ.ศ. 2566 ซึ่งช่วยให้กองทัพสิงคโปร์สามารถทดสอบระบบในสถานการณ์ปฏิบัติภารกิจจริงได้

นายไฟซาลกล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นทำให้การยับยั้งภัยคุกคามมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์ ซึ่งต้องพึ่งพาเสถียรภาพและกฎหมายระหว่างประเทศ

“ระบบไร้คนขับช่วยชดเชยข้อจำกัดด้านกำลังพลและช่วยให้กองทัพสามารถปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบสงครามที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งรวมถึงการรบโดยใช้ระบบไร้คนขับที่พบเห็นได้ในความขัดแย้งทั่วโลก” นายไฟซาลกล่าว

ซาราห์ ชาน เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากสิงคโปร์

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button