รายงานเผยการละเมิดสิทธิมนุษยชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนตลอด พ.ศ. 2567

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของจีนหายตัวไปหลังจากที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเศรษฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีนที่อ่อนแอลง ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567
ในช่วงกลางเดือนธันวาคม ผู้นำหมู่บ้านชาวทิเบตเสียชีวิตในช่วงเวลาเพียงสามวันหลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ โดยเขาถูกคุมขังในข้อหา “เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ” โดยคณะบริหารทิเบตกลางระบุว่าความผิดของเขาคือการรณรงค์เพื่ออนุรักษ์ภาษาทิเบต
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ขยายแผนปราบปรามเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา ตามรายงาน เวิลด์รีพอร์ต พ.ศ. 2568 ของกลุ่มสนับสนุนและวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอตช์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก
“รัฐบาลจีนยังคงควบคุมประเทศอย่างเข้มงวดตลอด พ.ศ. 2567 โดยควบคุมตั้งแต่เสรีภาพในการแสดงออกไปจนถึงเสรีภาพทางศาสนา” นางมายา หวัง รองผู้อำนวยการฝ่ายจีนของฮิวแมนไรต์วอตช์กล่าว “รัฐบาลจีนเข้มงวดกับกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และคุมขังผู้เห็นต่างและนักปกป้องสิทธิ อีกทั้งทำให้การรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของรัฐบาลทั่วประเทศเป็นไปได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ”
ประชาคมโลกยังคงประณามการเพิกเฉยต่อสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีน หลายประเทศได้เสริมสร้างมาตรการคว่ำบาตรและออกกฎหมายเพื่อรับมือ เช่น กฎหมายป้องกันการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ ของสหรัฐอเมริกา ขณะที่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนยังคงเดินหน้าตีแผ่การละเมิดสิทธิของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผลักดันให้ประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันร่วมต่อต้านการกระทำอันเลวร้ายนี้
ฮิวแมนไรต์วอตช์ รายงานว่า หัวข้อที่เคยปล่อยให้มีการพูดถึงได้ก่อนหน้านี้กำลังถูกทำให้กลายเป็นอาชญากรรมมากขึ้นทั่วประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เซ็นเซอร์การวิเคราะห์เศรษฐกิจและหยุดเผยแพร่ข้อมูลบางอย่าง เช่น อัตราการว่างงานของเยาวชนที่เพิ่มสูงขึ้น
เจ้าหน้าที่รัฐในจีนมักคุกคามและจับกุมผู้นำกลุ่มศาสนาที่ทางการมองว่าผิดกฎหมาย รวมถึงกลุ่มที่ปฏิเสธเข้าร่วมกับโบสถ์ที่ได้รับอนุมัติจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตามรายงานของฮิวแมนไรต์วอตช์ ผู้นำของกลุ่มที่เรียกว่า “โบสถ์บ้าน” คนหนึ่งถูกตั้งข้อหาปลุกระดมบ่อนทำลายอำนาจรัฐ และถูกตัดสินจำคุกห้าปีใน พ.ศ. 2567
นับตั้งแต่ที่นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เรียกร้องให้ครอบงำศาสนาด้วยอิทธิพลจีนใน พ.ศ. 2559 “ทางการจีนได้พยายามปรับเปลี่ยนศาสนาให้สอดคล้องกับแนวทางของพรรคและเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อพรรคและต่อนายสี” รายงานระบุ
ชาวทิเบตต้องเผชิญกับการควบคุมตัวโดยพลการเพียงเพราะโพสต์ความคิดเห็นทางออนไลน์ที่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลหรือมีการติดต่อกับชาวทิเบตที่อยู่นอกประเทศจีน ตามรายงานของสื่อต่าง ๆ พรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามกดขี่วัฒนธรรมของทิเบต โดยเจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดโรงเรียนที่สอนภาษาและมรดกทางวัฒนธรรมทิเบต พร้อมทั้งจับกุมครูและผู้นำศาสนาที่ต่อต้านนโยบายดังกล่าว นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิกล่าว นักบวชและชาวบ้านชาวทิเบตกว่าหลายร้อยคนถูกจับกุมใน พ.ศ. 2567 เพียงเพราะประท้วงอย่างสันติเพื่อคัดค้านโครงการสร้างเขื่อนพลังน้ำที่อาจทำให้โบสถ์และหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ
จีนยังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องจากประชาคมโลกให้ยุติการละเมิดสิทธิชาวอุยกูร์และชาวมุสลิมเชื้อสายเติร์กอื่น ๆ ในภูมิภาคซินเจียง อาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่กลุ่มสิทธิ นักวิจัย และเอกสารภายในของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้บันทึกไว้ ได้แก่ การควบคุมตัวโดยพลการเป็นกลุ่ม การทรมาน การสอดส่องติดตามในระดับมวลชน การบังคับใช้แรงงาน การกดขี่ทางวัฒนธรรมและศาสนา และการพลัดพรากจากครอบครัว
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ออสเตรเลีย แคนาดา เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ ลิทัวเนีย นอร์เวย์ สวีเดน สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ได้ร่วมกันเรียกร้องอีกครั้ง เพื่อให้รัฐบาลจีนปล่อยตัวบุคคลที่ถูกคุมขังโดยไม่เป็นธรรมในซินเจียง เปิดเผยชะตากรรมของผู้สูญหาย และร่วมมือกับผู้แทนด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิ
กฎหมายที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ ในฮ่องกงส่งผลให้นักเคลื่อนไหวและผู้ประท้วงถูกคุมขังจากการรำลึกถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินใน พ.ศ. 2532 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การวาดกราฟฟิตีสนับสนุนประชาธิปไตย การสวมเสื้อยืดที่มีข้อความ “ปลดปล่อยฮ่องกง” และการกระทำอื่น ๆ ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมองว่าเป็นการปลุกระดม นักข่าวก็ถูกตัดสินให้จำคุกเพียงเพราะเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ได้ผ่านการเซ็นเซอร์ หัวหน้าสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ประณามกฎหมายเหล่านี้ว่าเป็น “การก้าวถอยหลัง”
ฮิวแมนไรต์วอตช์เรียกร้องให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนปล่อยตัวชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ที่ถูกคุมขังโดยไม่เป็นธรรมในทันที ปล่อยตัวนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ยกเลิกกฎหมายที่ใช้ชื่อว่าความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกง และเปิดให้ผู้สังเกตการณ์อิสระสามารถเข้าถึงพื้นที่ทิเบตและซินเจียงได้