ยุทธศาสตร์อาร์กติกของแคนาดาออกแบบมาเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากจีนและรัสเซีย

เจ้าหน้าที่ เซนทรี
นโยบายต่างประเทศเกี่ยวกับอาร์กติกฉบับใหม่ของแคนาดามีเป้าหมายเพื่อต่อต้านภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัสเซีย โดยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและเพิ่มการแสดงตนของกำลังทหารในภูมิภาคนี้
ยุทธศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งเปิดเผยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 เรียกร้องให้แคนาดาเปิดสถานกงสุลใหม่ในเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา และกรุงนุก ประเทศกรีนแลนด์ รวมถึงแต่งตั้งเอกอัครราชทูตอาร์กติก อีกทั้งแคนาดายังเตรียมจัดหาเรือตัดน้ำแข็งใหม่ 8 ลำสำหรับลาดตระเวนในภูมิภาค เพื่อยกระดับขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลของกองกำลังรักษาชายฝั่งแคนาดา
“การรุกรานยูเครนอย่างผิดกฎหมายของรัสเซียทำให้พวกเราทุกคนต้องตั้งคำถามว่า ‘ใครจะเป็นรายต่อไป?’ เห็นได้ชัดเจนว่ารัสเซียไม่มีขีดจำกัดในการกระทำของตน เราทราบกันดีถึงจุดประสงค์ของรัสเซียในอาร์กติกและทรัพยากรของรัสเซีย” นางเมลานี โจลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแคนาดา กล่าวระหว่างการประกาศใช้นโยบาย “สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นคือ รัสเซียพึ่งพาจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน รัสเซียกำลังเปลี่ยนจุดยืนที่เคยมีมาในอดีตโดยเปิดภูมิภาคอาร์กติกให้จีนเข้าถึงได้ ซึ่งทำให้เป้าหมายที่มีมายาวนานของจีนเป็นจริง เพราะจีนเคยประกาศว่าตนเป็นรัฐใกล้อาร์กติก”
วิดีโอจาก: ส.ต. แบรนดอน แวสกีส์/กองทัพบกสหรัฐฯ
นางโจลีกล่าวว่ารัสเซียได้เพิ่มกิจกรรมทางทหารเชิงก้าวร้าวในอาร์กติกมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติการร่วมกับกองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนี้ กลยุทธ์การบิดเบือนข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน และผู้มีอำนาจของรัฐได้พยายามซื้อที่ดินในชุมชนห่างไกลทางตอนเหนือเพื่อขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้
“เราสังเกตเห็นเรือจำนวนมากขึ้นในอาร์กติก และเรือเหล่านี้ไม่ได้ทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น นางโจลีกล่าว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่น้ำแข็งของทะเลอาร์กติกกำลังละลาย และเส้นทางเดินเรือที่สั้นกว่าเดิมระหว่างอินโดแปซิฟิกกับยุโรปกำลังเปิด ส่งผลให้ตอนนี้คู่แข่งมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอาร์กติก” นางโจลีกล่าว
นโยบายอาร์กติกฉบับนี้เสริมยุทธศาสตร์กลาโหมของแคนาดาที่ได้รับการปรับปรุงในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 และต่อยอดจากการลงทุนในการปรับปรุงความทันสมัยของกองบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศอเมริกาเหนือแห่งแคนาดาและสหรัฐอเมริกาที่ได้ประกาศใน พ.ศ. 2565
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้การเข้าถึงทรัพยากรในอาร์กติกและเส้นทางเดินเรือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดึงดูดประเทศต่าง ๆ มาสู่ภูมิภาคนี้และเพิ่มการแข่งขันให้สูงขึ้น สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่” นายบิลล์ แบลร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแคนาดา กล่าว “นโยบายอาร์กติกของแคนาดาตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ด้วยการมุ่งยืนยันอำนาจอธิปไตยในตอนเหนือ พร้อมสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว”
ประเทศที่มีอาณาเขตในอาร์กติกต่างปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์เพื่อรับรองถึงความมั่นคงในภูมิภาค เช่น ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ความร่วมมือด้านกลาโหมนอร์ดิก ซึ่งเป็นข้อตกลงด้านความมั่นคงระหว่างเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ได้ลงนามในแผนวิชั่น พ.ศ. 2573 ซึ่งมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือและการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์สำหรับปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาค
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 สหรัฐฯ ได้เผยแพร่ยุทธศาสตร์อาร์กติกของตน และอีกสองเดือนถัดมาได้แต่งตั้งนายไมค์ สฟรากาเป็นเอกอัครราชทูตผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ด้านกิจการอาร์กติกคนแรก
“เป็นที่ชัดเจนว่าพันธมิตรและหุ้นส่วนต้องพิจารณาว่าอาร์กติกเป็นภูมิทัศน์ด้านความมั่นคงที่มีการเชื่อมโยงกันและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ทะเลเบริงถึงทะเลแบเรนตส์และทะเลบอลติก ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับภูมิภาคอินโดแปซิฟิก แปซิฟิกเหนือ แอตแลนติกเหนือ และยูโรแอตแลนติก” นายสฟรากากล่าวในงานประชุมความมั่นคงและกลาโหมแห่งแองเคอเรจครั้งแรก เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 “สิ่งสำคัญคือเราต้องเสริมสร้างพันธมิตรข้ามอาร์กติกนี้ ซึ่งจะเป็นการเสริมความเข้มแข็งให้กับพันธมิตรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกต่อไป”
เซนทรีเป็นนิตยสารทางการทหารระดับมืออาชีพที่จัดทำขึ้นโดยกองบัญชาการยุทธศาสตร์ สหรัฐฯ เพื่อเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นสำหรับบุคลากรด้านความมั่นคงของประเทศ