อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างเรื่องเด่น

แข็งแกร่งขึ้น ไปพร้อมกัน

ความร่วมมือช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจและเพิ่มความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

การฟื้นตัวของศรีลังกาจากวิกฤตเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของหุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ในการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาขนาดใหญ่ได้ในระยะเวลาอันสั้น ประเทศที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้ประสบปัญหาราคาสินค้า อาหาร ยา และเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเงินและความวุ่นวายทางการเมืองใน พ.ศ. 2565 เมื่อครั้งที่ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เข้ามาช่วยเหลือ

ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ การเปลี่ยนแปลงผู้นำ การลงทุนภาคเอกชน และการสนับสนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ศรีลังกากำลังเริ่มชำระหนี้ต่างประเทศจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นหลังสงครามกลางเมืองที่สิ้นสุดลงใน พ.ศ. 2552 “ไม่มีเรื่องราวการกลับสู่ความสำเร็จใดยิ่งใหญ่ไปกว่าเรื่องราวของศรีลังกาอีกแล้ว” นายโดนัลด์ ลู ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียใต้และเอเชียกลาง กล่าวในเวทีอภิปรายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 “พวกเขาทำได้ด้วยความช่วยเหลือเล็ก ๆ
น้อย ๆ จากมิตรของพวกเขา”

ความร่วมมือในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลงและโลกาภิวัตน์เข้ามามีบทบาท ประเทศต่าง ๆ ตระหนักว่าการร่วมมือกับประเทศที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกันจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคงของแต่ละประเทศได้ “ภูมิรัฐศาสตร์ในยุคปัจจุบันไม่ใช่การแข่งกันแบบตัวต่อตัวเหมือนเทนนิส แต่มีความคล้ายคลึงกับกีฬาแบบทีมที่ซับซ้อน ซึ่งทุกคนมีบทบาทเฉพาะตัวและมีส่วนร่วมในกลยุทธ์โดยรวมของทีม” นายคิม คยูฮยอน อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ กล่าวระหว่างการอภิปรายในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 เกี่ยวกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับพันธมิตรระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐฯ

ความร่วมมือช่วยระดมทรัพยากร กระตุ้นการแบ่งงาน และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละประเทศ

ทหารกองทัพบกอินโดนีเซียและกองทัพบกสหรัฐฯ หารือเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ระหว่างการฝึกซูเปอร์การูด้าชิลด์ที่พุสลัตปูร์ ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 จ.ส.ต. คีธ ธอร์นเบิร์ก/กองทัพบกสหรัฐฯ

สหภาพยุโรปซึ่งได้สร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ “ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อ 40 ปีก่อน” มีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ภูมิภาคนี้กลับไปสู่สภาพที่ “อำนาจเป็นสิ่งชี้ขาด” นายโจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เขียนไว้ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ประเทศต่าง ๆ ที่รวมตัวกันในด้านเศรษฐกิจ มนุษยธรรม ความมั่นคง และภูมิรัฐศาสตร์ ต่างร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว

“เราต้องการกันและกันเพื่อช่วยทำให้โลกนี้มีเสถียรภาพ” นายบอร์เรลล์เขียน “ความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ไม่เปิดโอกาสให้เรามีทางเลือกอื่นนอกจากต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและรับรองให้มีการเคารพต่อกฎหมายระหว่างประเทศ”

การฝึกทางทหารในหมู่พันธมิตรและหุ้นส่วนช่วยเสริมความพยายามในการรักษาภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง สหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมทั้งแบบทวิภาคี ภาคีย่อย และพหุภาคีกับประเทศในภูมิภาคจำนวน 1,113 ครั้งในช่วง พ.ศ. 2546 ถึง พ.ศ. 2565 ตามรายงานของสถาบันเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ในขณะที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมการฝึกซ้อมในลักษณะดังกล่าวแค่ประมาณ 130 ครั้งในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับแรกของนิวซีแลนด์ที่เผยแพร่ใน พ.ศ. 2566 เรียกร้องให้มี “เครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง” เพื่อรักษาความเป็นอิสระของรัฐต่าง ๆ และปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวระบุว่า การสนับสนุนแนวร่วมในลักษณะนี้มีความสำคัญมากกว่าที่เคยมีมา

“ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกหลายประเทศกำลังสร้างความร่วมมือมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสสูงสุดและจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์และความซับซ้อนทางเศรษฐกิจ” ดร. ประชันต์ ปรเมศวรัน นักวิจัยจากวิลสันเซ็นเตอร์ กล่าวกับ ฟอรัม

ทวิภาคี ไตรภาคี ภาคีย่อย และพหุภาคี

เมื่อ 50 ปีที่แล้ว สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน และการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ยังเป็นองค์กรที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น ส่วนสมาคมความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียใต้ก่อตั้งขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) ปัจจุบันองค์กรเหล่านี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ด้วยจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและอิทธิพลในระดับนานาชาติที่แข็งแกร่งขึ้น

เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังเข้าสู่ชายฝั่งทะเลคอรัล ระหว่างการฝึกโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกของทาลิสมันเซเบอร์ที่ประเทศออสเตรเลียในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ส.ท. วินเซนต์ พาม/นาวิกโยธินสหรัฐฯ

ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมีกลุ่มความร่วมมือหลากหลายกลุ่ม โดยมีทั้งกลุ่มความร่วมมือทวิภาคีระหว่างออสเตรเลียกับฟิลิปปินส์ กลุ่มความร่วมมือไตรภาคีระหว่างอินเดีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย กลุ่มความร่วมมือภาคีย่อย เช่น การเจรจาความมั่นคงจตุภาคี หรือ ควอด ที่ประกอบด้วยออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ รวมถึงกลุ่มพหุภาคีขนาดใหญ่อื่น ๆ อาเซียนมีสมาชิก 10 ประเทศ ส่วนการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของประเทศในบลูแปซิฟิกที่กระจัดกระจายอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่กว้างใหญ่หลายพันกิโลเมตร มีสมาชิก 18 ประเทศ และสมาคมความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งมีฐานอยู่ที่
กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล มีสมาชิก 8 ประเทศ

พันธมิตรและหุ้นส่วนร่วมมือกันในยามเกิดวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ดินถล่มในปาปัวนิวกินี หรือวิกฤตเศรษฐกิจในศรีลังกา

กลุ่มความร่วมมือระดับภูมิภาคมีขอบเขตที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มขนาดเล็กมักมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเฉพาะเจาะจงมากกว่า ความร่วมมือทวิภาคี ไตรภาคี และภาคีย่อย กำลังกระตุ้นให้กลุ่มพหุภาคีแบบดั้งเดิมทบทวนพันธกิจของตนเอง นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรียกสิ่งนี้ว่า “ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง”

ความร่วมมือระหว่างประเทศในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การกำหนดนโยบายและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ “สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ ทุกครั้งที่เรามาเยือนที่นี่ เราไม่ได้มาเพียงเพื่อประชุม” นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในที่ประชุมสุดยอดด้านกลาโหมการประชุมแชงกรีลาในสิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 “เรากำลังลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นจริง”

นางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวที่วิทยาลัยคิงส์ในลอนดอนเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 ว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ได้เป็นคู่เจรจาของอาเซียนใน พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นเวลาเจ็ดปีหลังจากการก่อตั้งอาเซียน มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป “เมื่อกระแสความมั่นคงและเศรษฐกิจที่ดำรงอยู่มานานหลายทศวรรษกำลังเปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วย” นางหว่องกล่าว “เราทุกคนมีบทบาทในกระบวนการปรับเปลี่ยนนี้”

ทหารออสเตรเลียและอินโดนีเซียลงจากยานระหว่างการฝึกโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกของทาลิสมันเซเบอร์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 กระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย

นางหว่องกล่าวว่า ผลประโยชน์ร่วมกันมีหลายด้าน ได้แก่ สภาพภูมิอากาศ โครงสร้างพื้นฐาน ความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาเศรษฐกิจ โอกาส และความยืดหยุ่น ความท้าทายสามารถแก้ไขร่วมกันได้ในขณะที่ยังคงเคารพในอธิปไตยของแต่ละประเทศ “เราทุกคนแสวงหาความร่วมมือที่โปร่งใสและสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม” นางหว่องกล่าว

มีหลายเหตุผลที่ความร่วมมือเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา ดร. อัล โอห์เลอร์ส ศาสตราจารย์ที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง กล่าวกับ ฟอรัม โลกาภิวัตน์ที่ขยายตัวขึ้นในทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) ส่งเสริมความเชื่อมโยงและการพึ่งพากันของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจโลก ระบบการสื่อสารและการขนส่งที่ดีขึ้น บวกกับค่าใช้จ่ายในการเผชิญหน้ากันที่สูงลิ่ว ล้วนช่วยผลักดันการเปลี่ยนผ่านนี้ “เราทุกคนล้วนเผชิญปัญหาที่คล้ายคลึงกัน และการแก้ไขปัญหาร่วมกันมีประสิทธิภาพมากกว่า” ดร. โอห์เลอร์สกล่าว

ความร่วมมือ

กลุ่มแนวร่วมและความร่วมมือในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่โดดเด่นด้านความยั่งยืน ประสิทธิภาพ และลักษณะเฉพาะที่สำคัญ ประกอบไปด้วย

อาเซียน:ผู้สนับสนุนกล่าวว่า แนวทางแบบไม่แทรกแซงเหมาะสมกับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความหลากหลาย ซึ่งมีรูปแบบการปกครองที่แตกต่างกันและพันธมิตรภายนอกที่หลากหลาย ทั้งยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางการทูตด้วย สมาชิกประกอบไปด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา (พม่า) ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม กลุ่มแนวร่วมนี้ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2510 เพื่อจัดการประเด็นด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง

การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก: สมาชิกของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งประกอบด้วย 16 ประเทศ เกาะและดินแดนของฝรั่งเศสอีก 2 แห่ง ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับเสียงของตนในเวทีโลกผ่านกลไกความร่วมมือนี้ ซึ่งก่อตั้งใน พ.ศ. 2514 “การประชุมนี้สร้างรากฐานที่มั่นคงให้ประเทศขนาดเล็กในมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถติดต่อกับพันธมิตรที่ใหญ่กว่าได้” ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นและพายุที่รุนแรงขึ้นเป็นประเด็นความกังวลสำคัญของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก

ควอด: ในช่วงแรก ได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองต่อสึนามิในมหาสมุทรอินเดียใน พ.ศ. 2547 ความร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการนี้ได้รวมตัวกันอีกครั้งในทศวรรษ 2020 (พ.ศ. 2563-2572) เพื่อจัดการปัญหาเศรษฐกิจ มนุษยธรรม และความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก การเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องของจีน กลายเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดความเป็นหนึ่งดียวกันในบรรดาประเทศประชาธิปไตยและประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสี่ของควอด เมื่อไม่นานมานี้ ควอดได้มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีสำคัญและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่

อูกัส: ความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ นี้ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2564 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ซึ่งทั้งมั่นคงและมีเสถียรภาพ ความร่วมมือนี้จะออกแบบ สร้าง และเปิดตัวเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดอาวุธแบบธรรมดาสำหรับกองทัพเรือออสเตรเลีย ขณะเดียวกันยังพัฒนาความสามารถด้านอื่น ๆ เช่น เทคโนโลยี
ควอนตัม ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ อาวุธความเร็วเหนือเสียงและระบบต่อต้านความเร็วเหนือเสียง สงครามอิเล็กทรอนิกส์ และการป้องกันทางไซเบอร์

การฝึกซ้อมทางทหาร

การเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและความซับซ้อนในการฝึกซ้อมของกองทัพ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตด้านความร่วมมือในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เป้าหมายหลักคือการสร้างความสามารถในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างกองทัพของพันธมิตรและหุ้นส่วน ผ่านการเรียนการสอนในชั้นเรียน การแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญ การฝึกภาคสนาม การจำลองการบัญชาการและควบคุม รวมถึงการฝึกยิงด้วยกระสุนจริง ทั้งผู้เข้าร่วมและผู้สังเกตการณ์ต่างระบุถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการฝึกซ้อมแบบพหุภาคี

ทหารอินโดนีเซียเล็งเป้าหมายระหว่างการฝึกซูเปอร์การูด้าชิลด์ที่พุสลัตปูร์ ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 จ.ส.ต. คีธ ธอร์นเบิร์ก/กองทัพบกสหรัฐฯ

การฝึกซ้อมการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอุปกรณ์ในพื้นที่ปฏิบัติการมีคุณค่าอย่างมหาศาล พ.ท. ไมเคิล เฮนเดอร์สัน ผู้บัญชาการกรมยานเกราะที่ 1 แห่งกองทัพบกออสเตรเลีย และผู้บัญชาการกำลังพลของออสเตรเลียในการฝึกซูเปอร์การูด้าชิลด์ พ.ศ. 2566 ที่อินโดนีเซีย กล่าว “นี่คือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเราในฐานะกองทัพออสเตรเลีย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความตั้งใจของเราที่จะส่งกำลังรบที่น่าเชื่อถือเข้ามาในภูมิภาคนี้ และสามารถทำได้โดยร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน” พ.ท. เฮนเดอร์สันกล่าวในแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

การฝึกซูเปอร์การูด้าชิลด์ พ.ศ. 2567 มีผู้เข้าร่วมจาก 10 ประเทศและผู้สังเกตการณ์จากอีก 12 ประเทศ กำลังพลของออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และ
สหราชอาณาจักร ได้เข้าร่วมกับกำลังพลของอินโดนีเซียและสหรัฐฯ รวมทั้งหมดประมาณ 5,500 คน พ.ต. คาร์ล ชโรเดอร์ ผู้บัญชาการหน่วยบีคอมปานีของกองทัพบกอังกฤษ ซึ่งประจำการอยู่ในบรูไน กล่าวกับ
ฟอรัม ว่า การฝึกซ้อมแบบพหุภาคีนี้ช่วยเสริมสร้างแต่ละหน่วยให้มีความเข้าใจในกองกำลังหน่วยอื่น ๆ “นี่คือการสร้างความสัมพันธ์ตั้งแต่ตอนนี้” พ.ต. ชโรเดอร์กล่าว “เพื่อว่าในอนาคตเราจะสามารถยกหูโทรศัพท์ โทรหาคนในประเทศต่าง ๆ แล้วพูดว่า ‘ให้เราช่วยอะไรคุณบ้าง’”

การขยายการฝึกซ้อมทางทหารเผยให้เห็นถึงความท้าทายด้าน
โลจิสติกส์ ซึ่งช่วยให้กองกำลังปรับปรุงการเตรียมพร้อมสำหรับการรบหรือการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น การมีมหาสมุทรกว้างใหญ่คั่นระหว่างประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกทำให้การเคลื่อนย้ายกำลังพลและอุปกรณ์มีความซับซ้อนขึ้น “หากลองจินตนาการถึงขนาดของการเคลื่อนที่และเคลื่อนย้ายกำลังพลทางยุทธวิธี รวมถึงการจัด
การด้านโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน สิ่งที่เราทำอยู่ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งมากเลยทีเดียว” พล.อ. ฟลินน์กล่าวกับนิตยสาร เนชันแนลดีเฟนซ์ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567

การฝึกซ้อมแบบพหุภาคีได้ขยายขอบเขตไปสู่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น กำลังพลจากหลายสิบประเทศได้ฝึกอบรมด้านความสามารถเกี่ยวกับขอบเขตอวกาศ รวมถึงด้านภาคพื้นดินและอากาศ ในการฝึกคอบร้าโกลด์ พ.ศ. 2567 ที่ประเทศไทย การฝึกคีนเอดจ์ พ.ศ. 2567 ที่ญี่ปุ่นยังได้ขยายความร่วมมือในทุกขอบเขตออกไปมากยิ่งขึ้น โดยฝึกการประสานงานร่วมกับกองบัญชาการอวกาศสหรัฐฯและกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ การฝึกซ้อมเหล่านี้เตรียมกองกำลังให้พร้อมปฏิบัติการในขอบเขตที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ ตามรายงานของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ

เป้าหมายสำคัญของสหรัฐฯ พันธมิตร และหุ้นส่วนได้เปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลงใน พ.ศ. 2534 ซึ่งการฝึกซ้อมทางทหารก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ตามรายงานของสถาบันเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ปฏิบัติการร่วมกันตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมามีตั้งแต่การเตรียมพร้อมตอบโต้การสะสมอาวุธของเกาหลีเหนือและการรุกรานที่อาจเกิดขึ้นต่อเกาะไต้หวันที่ปกครองตนเอง เพื่อดำเนินภารกิจด้านมนุษยธรรม ส่งเสริมความพยายามด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และการรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพในการเดินทางในทะเลจีนใต้

การรุกรานของจีน

ในขณะที่พันธมิตรและหุ้นส่วนได้สร้างความร่วมมือที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ ความแข็งกร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เพิ่มความกังวลในหมู่เพื่อนบ้านหลายประเทศของจีน ตามรายงานของนิตยสารฟอเรนโพลิซีในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ความทะเยอทะยานและโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลจีน รวมถึงความสัมพันธ์กับรัสเซียและเกาหลีเหนือ ได้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของจีน

ทหารของสาธารณรัฐเกาหลีและกองทัพบกสหรัฐฯ ร่วมกันจัดการส่วนต่าง ๆ ของสะพานชั่วคราวระหว่างการฝึกฟรีดอมชิลด์ในเกาหลีใต้เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ส.ท. โจ แคนทู/กองทัพบกสหรัฐฯ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังผลักดันการอ้างสิทธิ์ในอธิปไตยและดินแดนในภูมิภาค เช่น การอ้างสิทธิ์โดยผิดกฎหมายในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ แม้จะมีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนจากบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามก็ตาม ในทำนองเดียวกัน ภัยคุกคามจากขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้ผลักดันให้พันธมิตรของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมีความร่วมมือใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

พันธมิตรและหุ้นส่วนพึ่งพาความร่วมมือด้านการป้องกันมากกว่าที่เคย เพื่อรับมือกับการขยายตัวทางทหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและการยั่วยุของเกาหลีเหนือที่ละเมิดมติขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น

ทั่วทั้งภูมิภาค มีหลายประเทศที่ปฏิเสธหรือได้รับผลกระทบในทางลบจากโครงการริเริ่มของพรรคคอมมิวนิสต์จีน:

โครงการเงินกู้หลายโครงการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เสนอผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ได้สร้างภาระหนี้สินที่เกินความสามารถในการชำระให้กับหลายประเทศ เช่น ศรีลังกา

ข้อเสนอด้านความมั่นคงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน พ.ศ. 2565 สำหรับประเทศในบลูแปซิฟิกล้มเหลว เมื่อหลายประเทศและดินแดนปฏิเสธความพยายามของรัฐบาลจีน แต่หมู่เกาะโซโลมอนกลับลงนามในข้อตกลงด้านความมั่นคงอย่างลับ ๆ กับจีน ซึ่ง “สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของจีน” เนื่องจากขัดต่อความต้องการของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกที่เรียกร้องฉันทามติระดับภูมิภาค ตามรายงานของแรนด์ คอร์ปอเรชัน

การอ้างสิทธิ์โดยผิดกฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในทะเลจีนใต้สร้างความไม่พอใจแก่ประเทศที่มีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อน การคุกคามเรือของอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามโดยกองกำลังรักษาชายฝั่งและกองกำลังทางทะเลของจีนยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ นักวิเคราะห์กล่าว

การละเมิดและการกดขี่ชนกลุ่มน้อย เช่น ชาวอุยกูร์และชาวทิเบต รวมถึงการปราบปรามนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง ถูกประณามอย่างกว้างขวางจากทั่วโลก

อนาคต

สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของความร่วมมือ ได้สังเกตเห็นความก้าวหน้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 “การพัฒนาความร่วมมือของเราให้เป็นกลุ่มย่อยที่ยืดหยุ่นและการสนทนาที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม” รายงานระบุ “เราได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคี สนับสนุนโครงสร้างระดับภูมิภาค และรวบรวมพลังเข้ากับพันธมิตรและหุ้นส่วน”

สหรัฐฯ เปิดสถานทูตในมัลดีฟส์ หมู่เกาะโซโลมอน และตองกาใน พ.ศ. 2566 และในวานูอาตูในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 พร้อมทั้งยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับอินโดนีเซียและเวียดนามให้เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์แบบครอบคลุม

แม้จะมีความท้าทายและอุปสรรคเป็นครั้งคราว แต่ “เป็นเรื่องน่าประทับใจที่ได้เห็นว่าพันธมิตรและความร่วมมือของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกในปัจจุบันนั้นลึกซึ้งและแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของพวกเขา” ตามรายงานของนิตยสารฟอเรนโพลิซีในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566

การกระทำของจีนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดความร่วมมือเพิ่มขึ้น ดร. ปรเมศวรัน จากศูนย์วิลสันกล่าว แต่ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกยังตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ เช่น กฎระเบียบนานาชาติ แรงกดดันต่อองค์กรพหุภาคี เช่น อาเซียน และการเร่งตัวของแนวโน้ม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

“การขยายความร่วมมือในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกหมายความว่าเรากำลังจะได้เห็นภูมิทัศน์ขององค์กรที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งประกอบด้วยความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ภาคีย่อย และพหุภาคีที่ซับซ้อน โดยที่บางครั้งรูปแบบเปลี่ยนไปตามหน้าที่และบางครั้งหน้าที่ก็เปลี่ยนไปตามรูปแบบ” ดร. ปรเมศวรันกล่าว

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button