ความร่วมมือเรื่องเด่นเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

เสรี เปิดกว้าง เจริญรุ่งเรือง

ประชาธิปไตยที่ค้ำจุน ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

ประชากรในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้ถักทอค่านิยมประชาธิปไตย ซึ่งรวมถึงการปกครองที่โปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้หลักนิติธรรม เข้ากับโครงสร้างทางวัฒนธรรมของภูมิภาค ญี่ปุ่นได้จัดตั้งรัฐบาลตัวแทนชุดแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนที่รัฐธรรมนูญสมัยใหม่จะเกิดขึ้นเกือบหนึ่งศตวรรษ โดยรัฐบาลทหารที่แทรกแซงในช่วงเวลานั้นได้ประกาศว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน” ภาคประชาสังคมเกาหลีใต้ ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษามหาวิทยาลัย นักวิชาการ และชนชั้นกลางที่กำลังขยายตัว ได้ดำเนินการรณรงค์เพื่อเสรีภาพอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การฟื้นฟูการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงใน พ.ศ. 2530 ในทำนองเดียวกัน ประชากรไต้หวันได้เรียกร้องให้มีการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เปิดกว้างมากขึ้น เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากระบอบเผด็จการไปสู่ประชาธิปไตย ซึ่งได้หยั่งรากใน พ.ศ. 2539 และทำให้ผู้นำของไต้หวันต้องให้คำตอบแก่ประชาชน อินโดนีเซียได้ใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยุติระบอบเผด็จการ และใน พ.ศ. 2541 ได้สถาปนาระบอบการปกครองตนเองที่เน้นความสำคัญของการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ ประชาธิปไตยของอินเดียมีความเก่าแก่เทียบเท่ากับระบอบของกรีกที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่าประชาธิปไตย ซึ่งมาจากคำว่าประชาชนและการปกครอง แท้จริงแล้ว รูปแบบแรก ของประชาธิปไตย “พบได้ทั่วไปในทุกภูมิภาคของโลกจนเราควรมอง ว่าเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในสังคมมนุษย์” นายเดวิด สตาซาเวจ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ระบุไว้ในหนังสือที่ตนเขียนใน พ.ศ. 2563 ชื่อ “การเสื่อมถอยและการฟื้นคืนของประชาธิปไตย: ประวัติศาสตร์โลกจากยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน”

พลเมืองทั่วภูมิภาคอินโดแปซิฟิกสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน ซึ่งประชาชนเลือกผู้นำที่มีอำนาจในการกำหนดสิ่งที่จะกลายเป็นกฎหมาย จากการสำรวจใน พ.ศ. 2566 ของศูนย์วิจัยพิวในสหรัฐอเมริกา พบว่าอย่างน้อยร้อยละ 74 ของผู้ตอบแบบสอบถามในออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ให้คะแนนระบอบดังกล่าวว่าเป็นวิธีการปกครองที่ “ดี” หรือ “ดีมาก” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนส่วนใหญ่ในประเทศเหล่านี้มองว่าพรรคฝ่ายค้านที่มีเสรีภาพ “มีความสำคัญอย่างยิ่ง” ตามรายงานก่อนหน้านี้ของศูนย์วิจัยพิว ความแตกต่างนี้ทำให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงแตกต่างจากระบอบเผด็จการพรรคการเมืองเดียว เช่น เกาหลีเหนือ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นประชาธิปไตยโดยอิงจากการเลือกตั้งที่มีการจัดฉาก เยาวชนในมาเลเซีย มัลดีฟส์
มองโกเลีย และติมอร์-เลสเตเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด ตามผลสำรวจของสถาบันรีพับลิกันระหว่างประเทศ

ชาวอินโดนีเซียที่อาศัยอยู่ในมาเลเซียลงทะเบียนสำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้าในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
เนอร์โฟโต/รอยเตอร์

ผู้คนทั่วทั้งภูมิภาคให้ความสำคัญกับสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ประมาณ 8 ใน 10 ของผู้ใหญ่ในฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวันกล่าวกับผู้สำรวจของศูนย์วิจัยพิวใน พ.ศ. 2566 ว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลควรสามารถแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะได้ ผลการสำรวจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในฮ่องกง ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ “ลิดรอนเสรีภาพพลเมืองของฮ่องกง ด้วยการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่เข้มงวดสองฉบับ กำจัดขบวนการสนับสนุนประชาธิปไตยของเมืองผ่านการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้ง ยุบกลุ่มภาคประชาสังคมและสหภาพแรงงานอิสระ ปิดสื่อที่สนับสนุนประชาธิปไตย และดำเนินมาตรการอื่น ๆ อีกมากมาย” ตามรายงานของฮิวแมน ไรท์ วอตช์ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567

ความกระตือรือร้นของภูมิภาคที่มีต่อประชาธิปไตยนั้นมีรากฐานมั่นคงอยู่บนแนวคิดเชิงปฏิบัติ ตัวอย่างหนึ่งที่สามารถเปรียบเทียบได้คือระดับรายได้ระหว่างจีนกับเกาหลีใต้และไต้หวัน ทั้งสามประเทศมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจของจีนเคยเติบโตในอัตราสองหลักในบางปี แม้ว่าการขยายบทบาทของรัฐจะทำให้อัตราการเติบโตชะลอตัวลงนับตั้งแต่นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขึ้นสู่อำนาจใน พ.ศ. 2555 แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประชาชนจีนเพียงในระดับจำกัด ตามการศึกษาของนักวิจัยจากสภาแอตแลนติก ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในสหรัฐฯ “ระบอบเผด็จการดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสร้างความมั่งคั่งมหาศาลให้กับชนชั้นนำที่แสวงหาผลประโยชน์ ในขณะเดียวกันกลับล้มเหลวในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับสังคมโดยรวม” นายแบรด ลิปส์ นายคริส มอร์เรน และนายแดน เนเกรา ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย เขียนในบทความของสภาแอตแลนติก เรื่อง “การถกเถียงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเสรีภาพและความมั่งคั่ง”

รายได้รวมของประเทศจีนอยู่ที่ประมาณ 464,000 บาทต่อคน (ประมาณ 13,400 ดอลลาร์สหรัฐ) ใน พ.ศ. 2566 และธนาคารโลกจัดอันดับให้เป็นประเทศ “ที่มีรายได้ปานกลางระดับบน” ขณะที่ในไต้หวันและเกาหลีใต้ รายได้ประชาชาติต่อหัวสูงกว่าของประเทศจีนมากกว่าหลายเท่า ในขณะที่เมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ทั้งสามประเทศมีรายได้ต่อหัวต่ำเท่า ๆ กัน ทั้งสามประเทศยังคงเป็นระบอบเผด็จการ แม้ว่ารัฐบาลเกาหลีใต้และรัฐบาลไต้หวันจะปกครองในลักษณะเผด็จการทหาร และมีเสรีภาพทางเศรษฐกิจที่ชาวจีนไม่สามารถเข้าถึงได้ “สองประเทศ … ที่มีตลาดเสรีตั้งแต่เริ่มต้นช่วงเวลาดังกล่าวและยังคงรักษาไว้ พร้อมทั้งเลือกประชาธิปไตยในช่วงต้นทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2533-2542) มีการเติบโตของรายได้ที่รวดเร็วกว่าจีนแผ่นดินใหญ่อย่างมาก” นายลิปส์
นายมอร์เรน และนายเนเกราเขียนระบุ “ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2533-2542) เกาหลีใต้และไต้หวันได้หลุดพ้นจาก ‘กับดักรายได้ปานกลาง’ โดยได้ผ่านเกณฑ์ของธนาคารโลกระหว่างประเทศรายได้ปานกลางและประเทศรายได้สูง”

“การนำนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการที่จำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจสามารถเติบโตในระบอบเผด็จการได้หรือไม่” ผู้เชี่ยวชาญระบุเพิ่มเติม “มีตัวอย่างประเทศที่มีทั้งเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและระบอบเผด็จการในช่วงเวลาที่ยาวนานน้อยมาก … ไม่มีหลักประกันว่าระบบที่ขาดการตรวจสอบและถ่วงดุลจะสามารถผลิตผู้นำที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีข้อบกพร่องอยู่มาก แต่ระบอบประชาธิปไตยได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นรูปแบบการปกครองที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการสร้างผู้นำที่ดีและปลดผู้นำที่ไม่ดี ซึ่งนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน”

ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งยืนเข้าแถวที่สถานที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในกรุงไทเปของไต้หวัน เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

การกดดันให้ยอมรับบรรทัดฐาน

ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกรวมถึงการบีบบังคับทางทหารและเศรษฐกิจ การบิดเบือนข้อมูล การแทรกแซงการเลือกตั้ง ตลอดจนปัญหาการทุจริต ประเทศที่พึ่งพาทะเลจีนใต้เพื่อความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจต่างคุ้นเคยกับยุทธวิธีที่ผิดกฎหมาย บีบบังคับ ก้าวร้าว และหลอกลวงของจีน ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง จีนได้ยกระดับความเป็นปรปักษ์ในทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมมือกันในการปรับเปลี่ยนกฎหมายระหว่างประเทศ กล่าวคือ จีนพยายามแทนที่หลักนิติธรรม ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของประชาธิปไตยที่รับประกันว่ากฎหมายจะบังคับใช้อย่างเป็นธรรมกับทุกคน ด้วยระบบ “การปกครองด้วยกฎหมาย” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้นำสามารถสร้างและบังคับใช้กฎหมายได้ตามอำเภอใจ

จีนได้อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้มานาน โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประเทศรอบข้าง อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลที่ให้สิทธิเหล่านั้น และคำตัดสินใน พ.ศ. 2559 ของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่เพิกถอนการอ้างสิทธิ์อย่างกว้างขวางของจีน

นายสี จิ้นผิงพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคมานานหลายทศวรรษ เนื่องจากกองกำลังรักษาชายฝั่งของจีนขัดขวางเรือประมงของฟิลิปปินส์และปฏิบัติการทางทหารในเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลฟิลิปปินส์ การบีบบังคับของจีนยังปรากฏให้เห็นในบริเวณและรอบ ๆ ช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำที่มีความสำคัญระดับโลก โดยที่นายสี จิ้นผิงขู่ว่าจะบั่นทอนสถานะปัจจุบันผ่านการฝึกซ้อมทางทหาร การล่วงล้ำน่านน้ำที่ไต้หวันควบคุม และการเพิ่มความถี่ของเครื่องบินที่บินข้ามเส้นแบ่งกึ่งกลาง พรมแดนดังกล่าวเคยทำหน้าที่เป็นกลไกในการลดความตึงเครียดระหว่างไต้หวันที่ปกครองแบบประชาธิปไตยและรัฐบาลจีน ซึ่งอ้างสิทธิ์ในไต้หวันและขู่ว่าจะผนวกรวมไต้หวันโดยใช้กำลัง ในพื้นที่อื่น ๆ กองกำลังรักษาชายฝั่งและกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้คุกคามเรือของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงขัดขวางการทำธุรกิจน้ำมันและก๊าซอีกด้วย การรุกรานนี้ได้ส่งผลในทางตรงกันข้ามและไม่ประสบความสำเร็จ โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่ายุทธวิธีเหล่านี้ได้สร้างกระแสความรู้สึกต่อต้านจีน แม้แต่ในรัฐที่มีพรรคการเมืองเดียวในภูมิภาคก็ยัง “สนับสนุนอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง มากกว่าระเบียบระหว่างประเทศที่ระบอบเผด็จการลัทธิแก้ของจีนต้องการสร้าง โดยหมายถึงโลกที่มีลำดับชั้น ซึ่งการขยายอำนาจได้รับการยกย่อง และมหาอำนาจมีเสรีภาพในการบ่อนทำลายอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน” นายไมเคิล กรีน และนายแดเนียล ทไวนิง จากศูนย์สหรัฐอเมริกาศึกษาของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เขียนระบุ

การบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีนขยายออกไปนอกเหนือจากทะเลจีนใต้ ออสเตรเลีย แคนาดา อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ต่างเผชิญกับแรงกดดันทางการเงินหลังจากที่ยืนหยัดต่อต้านรัฐบาลจีน ในบรรดาตัวอย่างนับสิบของจีน ได้แก่:

การกำหนดภาษีสินค้าหลายชนิดจากออสเตรเลีย เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการสอบสวนระหว่างประเทศเพื่อหาที่มาของโรคโควิด-19

การสกัดกั้นการส่งออกแร่ธาตุหายากที่สำคัญและการยกเลิกการท่องเที่ยวไปยังญี่ปุ่นหลังจากการจับกุมกัปตันเรือประมงจีนในน่านน้ำที่ญี่ปุ่นควบคุม

การคว่ำบาตรบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เกาหลีใต้และจำกัดสินค้าชนิดอื่น ๆ เมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศว่าจะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

“การบีบบังคับทางเศรษฐกิจเช่นนี้บิดเบือนประชาธิปไตยและอธิปไตยของประเทศด้วยการพยายามบังคับให้ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งต้องให้ความสนใจกับผลประโยชน์ของจีนมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนของตนเอง” นายกรีนและนายทไวนิงเขียนระบุ

ภัยคุกคามทางเทคโนโลยี

พรรคคอมมิวนิสต์จีนร่วมมือกับรัสเซียมุ่งใช้การรณรงค์สร้างอิทธิพลในวงกว้างต่อประชาคมโลก ผ่านการเผยแพร่ข้อมูลเท็จในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ข้อเรียกร้องดินแดนที่เกินจริงไปจนถึงคุณภาพของยุทโธปกรณ์ป้องกันตนเองของไต้หวัน รัฐเผด็จการเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตที่เสรีและเปิดกว้างในประเทศอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากเครือข่ายที่มีการเซ็นเซอร์สูงในประเทศตนเอง เพื่อปลุกระดมความขัดแย้งในสังคมเสรี ส่งเสริมมุมมองต่อต้านประชาธิปไตย และกลั่นแกล้งพลเมืองของตนในต่างประเทศ ตามรายงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชน นักวิเคราะห์นโยบาย ผู้สนับสนุนเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต และเอกสารรั่วไหลจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน หน่วยงานด้านความมั่นคงเตือนว่าผู้ไม่หวังดีใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อก่อให้เกิดกระแสข่าวปลอม ภาพที่ถูกดัดแปลง และเนื้อหาอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งยากต่อการแยกแยะจากข้อมูลที่แท้จริง

“เราจำเป็นต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการแบ่งปันเทคโนโลยีเพื่อปกป้องประชาธิปไตยของเรา” นายยุน ซุก ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในขณะนั้น กล่าวระหว่างการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยของประเทศในปี พ.ศ. 2567 เขากล่าวเสริมว่า “เราจำเป็นต้องสร้างระบบ AI และระบบดิจิทัลที่สามารถตรวจจับและต่อสู้กับผู้ที่ใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างข่าวปลอมและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ” ตามนิตยสารข่าวนิกเคอิ เอเชีย

‘รูปแบบของจีน’

ในขณะเดียวกัน แนวปฏิบัติของรัฐบาลจีนในการ “จับกลุ่มชนชั้นนำ” ระหว่างประเทศทำให้หลักการประชาธิปไตย เช่น การเลือกตั้งที่ยุติธรรม ความโปร่งใสของรัฐบาล และภาคประชาสังคมที่เสรีอ่อนแอลง “เมื่อรัฐบาลในประเทศที่เพิ่งเผชิญกับความท้าทายจากจีนถูกล่อลวงโดยโอกาสทางการค้าและการลงทุนจากจีน สิ่งสำคัญคือต้องระลึกเสมอว่าโอกาสเหล่านี้แท้จริงแล้วจัดเตรียมไว้เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวของชนชั้นปกครองและชนชั้นนำในประเทศ” นายจอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยสวินเบิร์นในออสเตรเลีย กล่าวในพอดแคสต์ พ.ศ. 2566 จากฟอรัมระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาประชาธิปไตย ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ นายฟิตซ์เจอรัลด์กล่าวถึงข้อความของจีนถึงผู้นำเหล่านั้นไว้ว่า “ถ้าคุณอยากเดินตามแบบอย่างของจีน … คุณก็แค่ทำในสิ่งที่เราทำ เราปราบปรามภาคประชาสังคม”

ในหมู่เกาะโซโลมอน จีนได้โอนเงินหลายสิบล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุนพัฒนาที่อยู่ภายใต้การตัดสินใจของนักการเมือง ตามรายงานของสำนักข่าวเอเจนซ์ ฟรานซ์-เพรส นักวิจารณ์ระบุว่าเงิน “พัฒนาเขตเลือกตั้ง” นี้เป็นกองทุนลับที่นำมาใช้เพื่อเอื้อประโยชน์และสร้างความสัมพันธ์กับนักการเมืองคนสำคัญ หมู่เกาะโซโลมอนยังได้เลื่อนการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2566 หลังจากลงนามข้อตกลงความมั่นคงที่เป็นความลับกับรัฐบาลจีนใน พ.ศ. 2565 ซึ่งทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะนำเรือรบมาจอดเทียบท่าในภูมิภาคแปซิฟิกใต้

เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ในภารกิจส่งเสบียงเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 บริเวณใกล้กับสันดอนสกาโบโรห์ ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์ กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์/ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

เงื่อนไขของการลงทุนและข้อตกลง “ความช่วยเหลือ” ดังกล่าว รวมถึงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนที่ขึ้นชื่อในเรื่องความไม่โปร่งใส มักจะเก็บเป็นความลับจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและผู้เสียภาษี ทำให้ชนชั้นนำสามารถหลีกเลี่ยงหลักการประชาธิปไตย เช่น ความรับผิดชอบและเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล การลงทุนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กัดกร่อนประชาธิปไตยของหมู่เกาะโซโลมอน นายแดเนียล ซุยดานี นักวิจารณ์เกี่ยวกับจีนผู้มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับเลือกกลับเข้าไปในสภาจังหวัดในเกาะมาลาอิตาใน พ.ศ. 2567 กล่าวกับ
เอเจนซ์ ฟรานซ์-เพรส “สำหรับประชาคมโลกแล้ว ผมอยากจะบอกว่าเราต้องการการสนับสนุนจากทุกคน” นายซุยดานีกล่าว “เราต้องการมีส่วนร่วมในเสรีภาพและอิสรภาพเช่นเดียวกับที่ทุกคนได้รับ”

การตอบโต้เผด็จการ

พันธมิตรและหุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้ตอบโต้แรงกดดันจากระบอบเผด็จการด้วยความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือด้านความมั่นคง และการขยายการสนับสนุนเพื่อเสริมสร้างการปกครองที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ เช่น การสนับสนุนของออสเตรเลียสำหรับการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมเป็นลำดับความสำคัญในนโยบายการพัฒนาระหว่างประเทศของออสเตรเลีย คณะกรรมการการเลือกตั้งของออสเตรเลียได้ทำงานร่วมกับติมอร์-เลสเตเพื่อสร้างคณะกรรมการการเลือกตั้งอิสระ ช่วยตองงาในการจัดตั้งระบบการเลือกตั้งใหม่ ช่วยเนปาลเปิดศูนย์การศึกษาและข้อมูลการเลือกตั้ง อีกทั้งยังให้การสนับสนุนปาปัวนิวกินีตั้งแต่ พ.ศ. 2541 รัฐบาลออสเตรเลียยังมีโครงการความช่วยเหลือด้านการเลือกตั้งในฟิจิ หมู่เกาะโซโลมอน ศรีลังกา และตองงา

นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในสมัยนั้น ประกาศว่า “ยูเครนในวันนี้อาจเป็นไต้หวันในวันพรุ่งนี้” และเรียกร้องให้ปกป้องประชาธิปไตยทั่วโลกหลังจากการรุกรานของรัสเซียที่ไม่มีเหตุยั่วยุใน พ.ศ. 2565 ต่อประเทศเพื่อนบ้านของตน รัฐบาลญี่ปุ่นได้เชื่อมโยงความช่วยเหลือการพัฒนาระหว่างประเทศเข้ากับการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ และการปกครองภายใต้หลักนิติธรรม พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการยึดมั่นในค่านิยมประชาธิปไตยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ญี่ปุ่นได้ทำงานร่วมกับองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ในการเสริมสร้างสภานิติบัญญัติในฟิจิ
คิริบาส ไมโครนีเซีย ปาเลา หมู่เกาะโซโลมอน และวานูอาตู โครงการล่าสุดที่มีระยะเวลา 4 ปีและมีมูลค่า 208 ล้านบาท (ประมาณ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค การฝึกอบรม และการเสริมสร้างขีดความสามารถ “สภานิติบัญญัติมีบทบาทสำคัญในการรับรองว่าเสียงของประชาชนจะได้รับการรับฟัง ทรัพยากรสาธารณะจะถูกจัดสรรอย่างยุติธรรมและโปร่งใส และนโยบายจะตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน” นางดอว์น เดล ริโอ จากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคแปซิฟิก กล่าว “เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นหุ้นส่วนกับญี่ปุ่นในโครงการสำคัญนี้”

ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งยืนเข้าแถวเพื่อลงคะแนนเสียงในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 ณ เมืองธรรมศาลา ประเทศอินเดีย เนอร์โฟโต/รอยเตอร์

การมุ่งเน้นของเกาหลีใต้ในการปกป้องประชาธิปไตยทั่วโลกได้รวมถึงการให้คำมั่นล่าสุดมูลค่า 3.46 พันล้านบาท (ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อพัฒนาการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลระดับสากล เพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยี และสร้างความพยายามในการต่อต้านการทุจริต นายยุนกล่าวว่า ถือเป็นการตอบแทนสำหรับการสนับสนุนจากนานาประเทศที่เกาหลีใต้ได้รับในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตและสิทธิพลเมืองของประเทศยังได้ร่วมมือกับยูเอ็นและช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ เช่น เวียดนาม โคโซโว และอุซเบกิสถานในการนำสถาบันป้องกันการทุจริตมาใช้ นายนัม คยูคิม อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกาหลี เขียนให้สถาบันเอเชียตะวันออก

องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ส่งเสริมการปกครองที่โปร่งใสและยุติธรรมในเกือบทุกประเทศในภูมิภาคอิ อินโดแปซิฟิก รวมถึงการสนับสนุนการปฏิรูปการพิพากษาในมัลดีฟส์ การสนับสนุนสื่ออิสระในอินโดนีเซีย การส่งเสริมการออกเสียงเลือกตั้งในติมอร์-เลสเต อีกทั้งยังร่วมมือกับฟิจิเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยแบบเสร็จ สันติ และมีส่วนร่วม

ความพยายามอื่น ๆ ที่สนับสนุนประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้ รวมถึงการประชุมเพื่อประชาธิปไตยบาหลีของอินโดนีเซียที่จัดฝึกอบรมผู้นำพลเมืองและผู้นำทางการเมืองจากเอเชียและตะวันออกกลาง และมูลนิธิเพื่อประชาธิปไตยของไต้หวันที่สนับสนุนกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม กลุ่มพันธมิตรพหุภาคี เช่น กลุ่มความร่วมมือควอด ซึ่งประกอบด้วยออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ต่างก็ร่วมกันสนับสนุนการยึดมั่นในค่านิยมร่วมและต่อต้านแรงกดดันจากการบังคับ

ประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญและโอกาสสำคัญ สมาชิกในโครงการซันนีแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิชาการ ผู้นำทางความคิด และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคประชาสังคมจากทั่วทั้งภูมิภาค กล่าวหลังจากการประชุมที่กรุงโซลในช่วงต้น พ.ศ. 2567 แม้ว่าเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนจะยังคงเสื่อมถอยในฮ่องกง เมียนมา เกาหลีเหนือ และที่อื่น ๆ แต่การเลือกตั้งจากภูมิภาคบลูแปซิฟิกไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือยังคงเปิดโอกาสให้เกิดเสียงที่หลากหลาย การมีส่วนร่วมของพลเมืองที่เพิ่มขึ้น และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบอบประชาธิปไตยที่มีอยู่และที่กำลังพัฒนา ผู้เข้าร่วมโครงการซันนีแลนด์จากออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ซามัว เกาหลีใต้ ไทย และสหรัฐฯ ได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนในภูมิภาคด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือประชาธิปไตย สนับสนุนความโปร่งใสของรัฐบาล รวมถึงวิเคราะห์โอกาสและภัยคุกคามทางเทคโนโลยี “เราสามารถทำงานเพื่อทำให้ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างกลายเป็นจริงได้ โดยการมุ่งเน้นความพยายามไปยังพื้นที่ที่มีอยู่ พร้อมกับการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อหาโอกาสใหม่ทางประชาธิปไตย” กลุ่มผู้เข้าร่วมกล่าว

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button