อินโดนีเซียและญี่ปุ่นยกระดับความมั่นคงทางทะเลเพื่อเสริมสร้างอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง

เอเจนซ์ ฟรานซ์-เพรส
ญี่ปุ่นจะมอบเรือลาดตระเวนความเร็วสูงสองลำให้แก่อินโดนีเซีย เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค ท่ามกลางข้อพิพาทด้านดินแดนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
นายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นสัญญาในระหว่างการเยือนกรุงจาการ์ตาเมื่อกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 เพื่อหารือกับนายปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย “เราตกลงที่จะจัดตั้งการปรึกษาหารือทางการทหารในระดับปฏิบัติงานเกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเล รวมถึงความร่วมมือด้านเทคนิคเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ทางกลาโหม” นายอิชิบะกล่าว ตามรายงานในแถลงการณ์ “นอกจากนี้ เรายังตกลงที่จะ … มอบเรือลาดตระเวนความเร็วสูงผ่านความช่วยเหลือด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นครั้งแรกระหว่างเราและอินโดนีเซีย”
นายอิชิบะกล่าวว่า ทั้งสองประเทศยังได้ตกลงร่วมมือในภาคพลังงานที่ปลอดคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ ไฮโดรเจน แอมโมเนีย และเชื้อเพลิงชีวภาพ
วิดีโอจาก: รอยเตอร์
ก่อนที่จะเดินทางถึงกรุงจาการ์ตา นายอิชิบะได้พบปะหารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยระบุว่าการกระชับความสัมพันธ์กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็น “หนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญสูงสุด” ของญี่ปุ่น
นายอิชิบะกล่าวว่า การเดินทางไปเยือนอินโดนีเซียและมาเลเซียทำให้เขาตระหนักถึง “การเติบโตอย่างรวดเร็วของทั้งสองประเทศ” และเน้นย้ำว่า ญี่ปุ่นต้องเชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ญี่ปุ่นได้กระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนทั้งยุทโธปกรณ์และความช่วยเหลืออื่น ๆ แก่ฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังเผชิญกับข้อพิพาทด้านดินแดนกับจีนเช่นกัน รัฐบาลฟิลิปปินส์เพิ่งให้สัตยาบันในสนธิสัญญาด้านกลาโหมที่สำคัญกับรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งจะอนุญาตให้ทั้งสองประเทศสามารถส่งกองกำลังทหารไปประจำการในดินแดนของกันและกันเพื่อการฝึกซ้อมและภารกิจด้านมนุษยธรรม
นายอิชิบะระบุว่า “การที่ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ร่วมมือกันเพื่อความสงบสุขและเสถียรภาพของภูมิภาคนี้จะมีส่วนสำคัญต่อความสงบสุขและเสถียรภาพของภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและทั่วโลก”
จีนอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ แม้ว่าจะมีคำตัดสินจากศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ระบุว่าการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวไม่มีพื้นฐานทางกฎหมาย รัฐบาลจีนได้เพิกเฉยต่อคำตัดสินนั้นและยังคงใช้กลยุทธ์ที่ผิดกฎหมาย การบังคับ ข่มขู่ และหลอกลวงในการผลักดันการอ้างสิทธิอธิปไตยอย่างกว้างขวาง
เชื่อกันว่าแหล่งน้ำมันและก๊าซขนาดใหญ่ยังไม่ได้รับการสำรวจในทะเลจีนใต้ ซึ่งยังเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการค้าในระดับโลก สถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ประเมินว่า ประมาณหนึ่งในสามของการขนส่งสินค้าทั่วโลก หรือสินค้ามูลค่า 115 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) จะผ่านทะเลนี้ในแต่ละปี
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 นายทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้แสดง “ความกังวลอย่างจริงจัง” ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลจีน และยังกล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับ “สถานการณ์ในทะเลจีนตะวันออก รวมถึงบริเวณหมู่เกาะเซ็งกะกุ” ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นควบคุมและไม่มีประชากรอาศัยอยู่ที่รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประณามการเข้ามารุกรานอาณาเขตอย่างต่อเนื่องโดยเรือของจีนบริเวณรอบ ๆ หมู่เกาะเซ็งกะกุ