รายงานระบุว่าการทุจริตอาจทำให้การปรับปรุงความทันสมัยให้กองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์จีนล่าช้า
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
การปราบปรามการทุจริตในกองทัพของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาอาจขัดขวางเป้าหมายการปรับปรุงความทันสมัยให้กองทัพของเขาใน พ.ศ. 2570 และช่วงเวลาถัดไปในอนาคต ตามข้อมูลจากรายงานอำนาจทางทหารของจีนที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยแพร่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567
รายงานประจำปีฉบับนี้ให้ข้อมูลแก่รัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับความสามารถทางทหาร กลยุทธ์ และเป้าหมายของสาธารณรัฐประชาชนจีน รายงานประจำ พ.ศ. 2567 ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญและความท้าทายของกองทัพปลดปล่อยประชาชน โดยมุ่งไปที่การทุจริต การปรับปรุงความทันสมัย และคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ที่เพิ่มขึ้น
รายงานความยาว 166 หน้านี้ระบุว่าการทุจริตในกองทัพปลดปล่อยประชาชนยังคงเป็นปัญหาร้ายแรง โดยพบว่าการประพฤติมิชอบนี้มีผลกระทบต่อทุกหน่วยงานในกองทัพ นายสีได้จัดให้การกำจัดการทุจริตเป็นวาระสำคัญตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งใน พ.ศ. 2555 และในปีที่ผ่านมา มีการปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้บริหารอุตสาหกรรมกลาโหมอย่างน้อย 15 คนออกจากตำแหน่งด้วยข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต
รายงานระบุว่า การปราบปรามการทุจริตสะท้อนถึงความกังวลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับความสามารถของกองทัพปลดปล่อยประชาชนในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่นายสีกำหนดไว้
“ผมคิดว่ายังมีคำถามเกี่ยวกับผลกระทบโดยรวมต่อกองทัพปลดปล่อยประชาชน รวมถึงวิธีที่การทุจริตส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วทั้งระบบ และความหมายของสิ่งนั้น” นายเอลี แรตเนอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ด้านกิจการความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก กล่าวหลังการเผยแพร่รายงาน
นายสีมีเป้าหมายที่จะบูรณาการและเร่งรัดการปรับปรุงความทันสมัยให้สำเร็จภายใน พ.ศ. 2570 ทำให้การเปลี่ยนแปลงเสร็จสิ้นภายใน พ.ศ. 2578 และทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนกลายเป็น “กองทัพระดับโลก” ภายใน พ.ศ. 2592
รายงานระบุรายละเอียดเรื่องการสั่งสมอาวุธนิวเคลียร์ของจีน ซึ่งมีหัวรบที่พร้อมใช้งานมากกว่า 600 หัวรบในช่วงกลาง พ.ศ. 2567 และคาดว่าจะเกิน 1,000 หัวรบภายใน พ.ศ. 2573 ในขณะที่สหรัฐฯ มีหัวรบที่พร้อมใช้งานมากกว่า 3,700 หัวรบ
รายงานระบุว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนได้ขยายความสามารถสู่นิวเคลียร์สามเหล่า โดยมีเรือดำน้ำติดขีปนาวุธทิ้งตัว เครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ และขีปนาวุธที่มีขีดความสามารถโจมตีแม่นยำเฉพาะจุด และขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปประมาณ 400 ลูก
อีกทั้งยังระบุว่า “เจ้าหน้าที่หลายคนที่ถูกสอบสวนหรือปลดออกจากตำแหน่งในข้อหาทุจริตเคยปฏิบัติหน้าที่ดูแลโครงการพัฒนาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงความทันสมัยให้กับขีปนาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธตามแบบภาคพื้นดินของจีน”
นายสีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพ “น่าจะยกระดับการตรวจสอบความสามารถของกองทัพปลดปล่อยประชาชน และความภักดีทางการเมืองในกองกำลัง” ตามข้อมูลจากรายงาน
นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมคาดการณ์ว่า “การสอบสวนการทุจริตอาจนำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในเรื่องการแต่งตั้งบุคลากรและการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการฝึกอบรมด้านอุดมการณ์ที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความพยายามปรับปรุงความทันสมัยให้กองทัพของนายสีล่าช้า” ตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์
พล.ร.อ. จอห์น ซี. อาควิลิโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิกในตอนนั้น กล่าวกับรัฐสภาสหรัฐฯ ว่านายสีต้องการให้กองทัพพร้อมสำหรับการรุกรานไต้หวันภายใน พ.ศ. 2570 รัฐบาลจีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตนและข่มขู่ว่าจะผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนโดยใช้กำลัง
“ปัญหาการทุจริตจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอาจทำให้การพัฒนาขีดความสามารถในปี พ.ศ. 2570 และเป้าหมายในอนาคตล่าช้าอย่างแน่นอน” เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์
รายงานยังชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องอื่น ๆ ในกองทัพปลดปล่อยประชาชน รวมถึงความพร้อมและขีดความสามารถของผู้บังคับบัญชา โดยรายงานได้อธิบายถึง “การไร้ความสามารถทั้งห้าด้าน” หรือจุดที่เจ้าหน้าที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนควรปรับปรุง เช่น การประเมินสถานการณ์ การเข้าใจความตั้งใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูง การตัดสินใจเชิงปฏิบัติการ การส่งกำลังพล และการจัดการสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
ข้อบกพร่องเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดประสบการณ์ในการสู้รบ นายไมเคิล เชส รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกลาโหมสหรัฐฯ ด้านจีน มองโกเลีย และไต้หวัน กล่าวว่า “จากมุมมองของจีน นี่หมายความว่าประสบการณ์ที่พวกเขามีส่วนใหญ่มาจากปฏิบัติการในต่างประเทศและการฝึกซ้อมที่จัดขึ้นภายในประเทศ ไม่ได้มาจากประสบการณ์การสู้รบจริงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง”
รายงานระบุว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนยังล่าช้ากว่าแผนการที่วางไว้ต่อเป้าหมายในด้านการทำสงครามในเมืองและโลจิสติกส์ระยะไกล
ความพยายามในการปรับปรุงความทันสมัยให้กองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังเป็นผลมาจากความสัมพันธ์กับพันธมิตร รายงานระบุว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้การสนับสนุนรัสเซียในสงครามที่ไร้เหตุอันสมควรที่รัสเซียรุกรานยูเครน รวมถึงความร่วมมือทางทหารและการฝึกซ้อม เมื่อรัสเซียต้องพึ่งพาจีนมากขึ้น นายสี จิ้นผิง จึงมีแนวโน้มที่จะใช้ความได้เปรียบนี้กดดันให้เกิดความร่วมมือมากขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น แถบอาร์กติก ซึ่งรัสเซียเคยหลีกเลี่ยงที่จะให้ความร่วมมือในอดีต นายเชสกล่าว
ความสัมพันธ์ของจีนกับอิหร่าน กลุ่มตัวแทนที่เชื่อมโยงกับอิหร่าน และเกาหลีเหนือ ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย นายแรตเนอร์กล่าว การสนับสนุนของจีนต่อสงครามที่ผิดกฎหมายของรัสเซียในยูเครน “เป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่จีนแสดงจุดยืนต่อต้านตะวันตกและต่อต้านสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อให้เกิดความไม่มั่นคงไม่เพียงแต่ในยุโรป แต่ยังรวมถึงภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกด้วย” นายแรตเนอร์กล่าว
รายงานยังชี้ให้เห็นถึงกิจกรรมของจีนในตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงให้การสนับสนุนอิหร่านและกลุ่มตัวแทนอย่างกลุ่มกบฏฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และฮูตี กลุ่มกบฏฮูตีได้สร้างห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับจีนสำหรับโดรนและขีปนาวุธที่ใช้โจมตีการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมี “ข้อตกลง” ระหว่างฮูตีกับรัฐบาลจีนเพื่อให้การสนับสนุนดำเนินต่อไป แลกกับการที่ฮูตีจะไม่โจมตีการขนส่งสินค้าของจีน นายเชสกล่าว
รายงานประเมินงบประมาณกลาโหมของจีนใน พ.ศ. 2566 ที่ 7.52 ล้านล้านบาท (ประมาณ 2.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยเน้นการลงทุนในขีดความสามารถเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับไต้หวัน ทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแสดงอำนาจ และเพิ่มขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์