ฟิลิปปินส์ยื่นขอดำเนินกระบวนการอนุญาโตตุลาการร่วมกับหลายประเทศต่อกรณีที่จีนกระทำการรุกรานในทะเลจีนใต้

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ฟิลิปปินส์วางแผนที่จะยื่นขอดำเนินกระบวนการอนุญาโตตุลาการใหม่ต่อสาธารณรัฐประชาชนจีนจากกรณีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องในทะเลจีนใต้ พร้อมหวังว่าประเทศอื่น ๆ จะเข้าร่วมในคดีทางกฎหมายแบบพหุภาคีนี้ด้วย เจ้าหน้าที่ระบุ
ฟิลิปปินส์ต้องการดำเนินกระบวนการนี้อย่าง “รัดกุมและแน่นหนา” พล.อ. อันเดรส์ เซนติโน ที่ปรึกษาด้านกิจการทางทะเลของประธานาธิบดี กล่าวกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567
วิดีโอจาก: กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์
รัฐบาลฟิลิปปินส์เคยประสบความสำเร็จในการยื่นฟ้องคดีต่อจีนมาก่อน จากการที่จีนละเมิดอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล รัฐบาลจีนได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ และเพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ตัดสินให้การอ้างสิทธิ์ในอธิปไตยของจีนเป็นโมฆะ จีนยังคงอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ แม้จะมีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนจากบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามก็ตาม
ฟิลิปปินส์กำลังมองหาการสนับสนุนจากผู้ร่วมลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลเพื่อ “ยืนหยัดต่อต้านจีนในนามของทุกคน” พล.อ. เซนติโนกล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์
การดำเนินการทางกฎหมายร่วมกันจากหลากหลายประเทศอาจเพิ่มการบังคับใช้คำตัดสินในอนาคตต่อจีน พล.อ. เซนติโนกล่าวว่า “หากจีนต้องรับมือกับหลาย ๆ ประเทศ นั่นอาจทำให้ผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น”
อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ซึ่งมีผลบังคับใช้ใน พ.ศ. 2537 มีภาคีให้สัตยาบันแล้ว 170 ประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงจีนด้วย โดยหนึ่งในมาตรการที่กำหนดขึ้นมาคือเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะ 200 ไมล์ทะเล ที่มอบสิทธิให้ประเทศชายฝั่งสามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตดังกล่าวของตนเองได้
จีนเพิกเฉยต่ออาณาเขตของเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศอื่นเป็นประจำ จีนได้ใช้เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งขนาดใหญ่พุ่งชน กีดขวาง และยิงปืนฉีดน้ำใส่เรือส่งเสบียงของฟิลิปปินส์ เพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์อย่างผิดกฎหมายในพื้นที่สันดอนโธมัสที่สองและพื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ จีนยังคุกคามชาวประมงในน่านน้ำฟิลิปปินส์ แทรกแซงเรือของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงกีดขวางการปฏิบัติการสำรวจน้ำมันและก๊าซในน่านน้ำของประเทศเหล่านั้น ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดของจีนได้ทำการลาดตระเวนภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์ ซึ่งรัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นการ “ข่มขู่ บีบบังคับ รุกราน และหลอกลวง” ต่อเรือประมงฟิลิปปินส์
“สิ่งนี้จะนำไปสู่คดีความใหม่หรือไม่” นายโจนาธาน มาลายา ผู้ช่วยอธิบดีสภาความมั่นคงแห่งชาติฟิลิปปินส์ กล่าวในช่วงกลางเดือนมกราคม “ทุกทางเลือกยังคงเป็นไปได้ เพราะยิ่งเรือลำมหึมาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ามาใกล้น่านน้ำของฟิลิปปินส์มากขึ้นเท่าไร ความตึงเครียดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และยิ่งทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์พิจารณาถึงสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เคยพิจารณามาก่อน”
ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 เมื่อเรือกองกำลังรักษาชายฝั่งของจีนพุ่งชนและบุกขึ้นเรือของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ที่พยายามส่งเสบียงไปยังเรือเซียร์รา มาเดร ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านทหารของกองทัพฟิลิปปินส์ในสันดอนโธมัสที่สอง การเผชิญหน้านี้ทำให้ทหารเรือฟิลิปปินส์ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเรือของฟิลิปปินส์ได้รับความเสียหาย วิดีโอที่แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาชายฝั่งจีนถือขวานก่อให้เกิดความไม่พอใจและการประณามจากนานาชาติ หลังจากนั้น จีนและฟิลิปปินส์ได้เจรจาจัดทำข้อตกลงชั่วคราวที่อนุญาตให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ปฏิบัติภารกิจส่งเสบียงไปยังสันดอนโธมัสที่สองได้โดยไม่ถูกขัดขวาง
การฟ้องร้องครั้งใหม่ต่อจีนภายใต้กระบวนการอนุญาโตตุลาการของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลอาจรวมถึงคดีด้านสิ่งแวดล้อมที่มีพื้นฐานมาจากทรัพยากรที่ถูกทำลาย ก่อนหน้านี้ฟิลิปปินส์เคยเรียกร้องให้มีการสอบสวนระหว่างประเทศเกี่ยวกับความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมในสันดอนแห่งหนึ่งในทะเลจีนใต้ ซึ่งรวมถึงการสูญเสียหอยมือเสือยักษ์ครั้งใหญ่ ในช่วงกลาง พ.ศ. 2567 กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากการสอดแนมที่แสดงให้เห็นชาวประมงจีนเก็บหอยมือเสือยักษ์ในทะเลสาบน้ำเค็มชายฝั่งที่สันดอนสกาโบโรห์ กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ระบุว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว ปะการังรอบบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งฟิลิปปินส์ระบุว่าเป็นผลจากการค้นหาหอยมือเสือยักษ์เพิ่มมากขึ้นโดยไร้ประโยชน์
ข้อกล่าวหาอาจมุ่งเน้นไปที่การใช้กำลังของจีนเพื่อคุกคามเรือของฟิลิปปินส์และประเทศอื่น ๆ ในทะเลจีนใต้ รวมถึงการละเมิดอำนาจอธิปไตยของฟิลิปปินส์จากการแทรกแซงภารกิจส่งเสบียงไปยังสันดอนโธมัสที่สอง และการขัดขวางการประมงภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์
นายเมนาร์โด กูเอวาร์รา อัยการสูงสุดของฟิลิปปินส์กล่าวในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ว่า ฟิลิปปินส์กำลังพิจารณายื่นฟ้องคดีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลครั้งที่สองต่อศาลอนุญาโตตุลาการถาวร ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ นายกูเอวาร์รากล่าวว่าคดีนี้มีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่ความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมที่จีนก่อขึ้นในแนวปะการังไอโรเควียสในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งเป็นกลุ่มของแนวปะการัง สันดอน และสันดอนทรายที่ตั้งอยู่ประมาณครึ่งทางระหว่างฟิลิปปินส์และเวียดนาม และมีหลายประเทศอ้างสิทธิ์ในพื้นที่นี้
นายอันโตนิโอ คาร์ปิโอ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาของฟิลิปปินส์ ยังแนะนำให้ยื่นฟ้องร้องใหม่ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 โดยระบุว่าสามารถอ้างอิงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเรือกองกำลังรักษาชายฝั่งของฟิลิปปินส์ระหว่างเหตุการณ์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 ได้
นายคาร์ปิโอกล่าวว่าการดำเนินการฟ้องร้องอาจช่วยชะลอการรุกรานของจีนได้ เนื่องจากศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนในกรณีที่ทำให้ข้อพิพาทรุนแรงขึ้นระหว่างการพิจารณาครั้งก่อน
“เราควรใช้ช่องทางนี้เพื่อยับยั้งจีน” นายคาร์ปิโอกล่าวกับสำนักข่าวเอเอ็นซี “เราควรขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรของเรา”