งานนิทรรศการอาวุธช่วยเวียดนามในการเสริมสร้างอุตสาหกรรมกลาโหมและลดการพึ่งพาอาวุธจากรัสเซีย
รอยเตอร์
เวียดนามจัดแสดงอาวุธที่ผลิตในประเทศในงานนิทรรศการอาวุธนานาชาติ ณ กรุงฮานอย เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมกลาโหมและลดการพึ่งพายุทธโธปกรณ์ทางการทหารจากรัสเซีย
บริษัทด้านกลาโหมชั้นนำจากยุโรป ตะวันออกกลาง และอินโดแปซิฟิกรวมกว่า 250 ราย ร่วมจัดแสดงสินค้าในงานนิทรรศการที่จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ที่สนามบินเกียลำ
เวียดนามเคยเป็นผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ โดยเฉพาะอาวุธจากรัสเซีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านกลาโหมท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาค รวมถึงการปะทะกันเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ในอาณาเขตอย่างกว้างขวางของสาธารณรัฐประชาชนจีนในทะเลจีนใต้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น สงครามที่ไร้เหตุอันสมควรของรัสเซียต่อยูเครน ได้เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การจัดหาอาวุธของเวียดนามไป
รัฐบาลเวียดนามยังผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทหาร โดยบริษัทด้านกลาโหมของรัฐ เช่น เวียตเทลและบริษัทในประเทศอื่น ๆ ได้จัดแสดงระบบป้องกันขีปนาวุธ โดรน เรดาร์ป้องกันภัยทางอากาศ ยานเกราะ และปืนใหญ่ ในงานอินเตอร์เนชันแนล ดีเฟนซ์ เอ็กซ์โป
มีการจัดแสดงอาวุธบางประเภทเป็นครั้งแรก นายเหวียน เทฟวง ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของเวียดนามจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ของประเทศออสเตรเลีย กล่าว การทำข้อตกลงกับผู้ส่งออกอาวุธต่างประเทศเพื่อให้ผลิตส่วนประกอบในเวียดนามถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ นายเทฟวงกล่าว เช่น กำลังมีการเจรจาข้อตกลงที่เป็นไปได้กับบริษัทเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในด้านปืนใหญ่และการบิน อีกทั้งยังมีการเจรจาที่คล้ายคลึงกันนี้กับบริษัทจากประเทศอื่น ๆ รวมถึงจากสาธารณรัฐเช็กด้วย เจ้าหน้าที่ระบุ
บริษัทด้านกลาโหมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น ล็อกฮีด มาร์ติน, โบอิ้ง และเท็กซ์ตรอน อะวิเอชั่น ดีเฟนส์ ก็ได้เข้าร่วมงานนิทรรศการและหารือเกี่ยวกับการขายเฮลิคอปเตอร์
“เป้าหมายของเราคือดำเนินการให้แน่ใจว่าเวียดนามมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับการปกป้องผลประโยชน์ของตน ทั้งในทะเล อากาศ บนบก และในโลกไซเบอร์” นายมาร์ก แนปเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม กล่าว โดยนายแนปเปอร์เป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนที่เข้าร่วมนิทรรศการนี้ ซึ่งคณะผู้แทนนี้ยังรวมถึง พล.ร.อ. ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิก
“นี่คือเหตุผลที่เรามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในนิทรรศการนี้ ซึ่งถือเป็นการมีส่วนร่วมครั้งประวัติศาสตร์และไม่เคยมีมาก่อนจากทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนของสหรัฐฯ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อเวียดนามและความทะเยอทะยานของเวียดนาม” นายแนปเปอร์กล่าว
บริษัทด้านกลาโหมจากฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ตุรกี ยูเครน และสหราชอาณาจักรก็เข้าร่วมนิทรรศการนี้ด้วยเช่นกัน
นายฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ยกย่องนิทรรศการนี้ว่าเป็น “ข้อความแห่งสันติภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา” ตามรายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา