ความร่วมมือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ฟิลิปปินส์ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาการเข้าถึงด้านกลาโหมที่สำคัญกับญี่ปุ่น

รอยเตอร์

วุฒิสภาฟิลิปปินส์ได้ให้สัตยาบันในข้อตกลงการเข้าถึงแบบทวิภาคีกับญี่ปุ่นในช่วงกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งจะทำให้กองกำลังของทั้งสองประเทศประจำการในอาณาเขตของกันและกันได้ ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับการกระทำที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ข้อตกลงการเข้าถึงแบบทวิภาคี ซึ่งเป็นข้อตกลงแรกที่ญี่ปุ่นลงนามร่วมกับประเทศในเอเชีย จะช่วยอำนวยความสะดวกในการนำเข้ายุทโธปกรณ์และกองกำลังทหารสำหรับการฝึกซ้อมทางทหารและการรับมือภัยพิบัติ พร้อมทั้งยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์และรัฐบาลญี่ปุ่น

วุฒิสภาลงมติเป็นเอกฉันท์ให้สัตยาบันข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งได้มีการลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567

ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ มายาวนาน ได้แสดงจุดยืนที่มั่นคงต่อการกระทำที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ของจีนในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังแสดงความกังวลต่อความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งนายสี จิ้นผิง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ข่มขู่ว่าจะผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนโดยใช้กําลัง

รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์ตามอำเภอใจในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าสำคัญของโลก และยังคงไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ได้ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ในดินแดนดังกล่าว ลูกเรือของจีนได้คุกคาม ปิดกั้น และพุ่งชนเรือของพลเรือนและเรือทหารของประเทศอื่น ๆ ที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งปฏิบัติการอย่างชอบด้วยกฎหมายภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศตนเอง เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

ขณะเดียวกันในทะเลจีนตะวันออก รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประณามเรือจีนที่เข้ามารุกรานอาณาเขตโดยรอบหมู่เกาะเซ็งกะกุที่อยู่ภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่นหลายครั้ง

ข้อตกลงการเข้าถึงแบบทวิภาคีเป็นใบเบิกทางสู่การมีส่วนร่วมด้านความมั่นคงแบบทวิภาคีและพหุภาคีมากขึ้น เช่น การที่ญี่ปุ่นเข้าร่วมในการฝึกบาลิกาตันอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นทุกปีในฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นเคยเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ สนธิสัญญาฉบับนี้ยังส่งเสริมให้มีการลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์

ข้อตกลงนี้อนุญาตให้หน่วยขีปนาวุธพื้นผิวสู่เรือของรัฐบาลญี่ปุ่นฝึกซ้อมร่วมกับอาวุธของสหรัฐฯ เช่น จรวดหลายลำกล้องและระบบขีปนาวุธพิสัยกลางบนเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ นักวิเคราะห์กล่าว นอกจากนี้ยังอนุญาตให้กองพลน้อยสะเทินน้ำสะเทินบกเคลื่อนที่เร็วของกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ฝึกซ้อมร่วมกับอาวุธขนาดเล็กที่ยิงจากพื้นดินและโดรน

ญี่ปุ่นซึ่งมีทหารสหรัฐฯ ประจำการอยู่ประมาณ 60,000 นาย ยังได้ทำข้อตกลงการเข้าถึงแบบทวิภาคีกับออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับฝรั่งเศสเพื่อทำข้อตกลงนี้เช่นเดียวกัน

การให้สัตยาบันของฟิลิปปินส์เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แสดงความมั่นใจเกี่ยวกับขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นของออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ขณะสังเกตการณ์การฝึกซ้อมร่วมที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายออสตินยังได้ย้ำถึงความสำคัญของความเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ รวมทั้งการยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อความมั่นคงในภูมิภาค

ในระหว่างการฝึกไตรภาคี ยามะซากุระ ที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ที่ค่ายอาซากะ บริเวณชานเมืองโตเกียว นายออสตินได้กล่าวว่า ยุทโธปกรณ์ กระสุน และกำลังพลที่จำเป็นนั้นต่างพรั่งพร้อมแล้วทั้งสิ้น และกล่าวเสริมว่า “สิ่งเหล่านี้จะรับประกันความสำเร็จหากเราถูกท้าทายในสนามรบ”

ภายใต้ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติที่เริ่มใช้ใน พ.ศ. 2565 ญี่ปุ่นกำลังเร่งพัฒนาขีดความสามารถด้านกลาโหมเพื่อยกระดับการป้องปรามการคุกคามที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากจีน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับออสเตรเลียและสหรัฐฯ

รายงานนี้มีข้อมูลจากสำนักข่าวดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button