การฝึกเคอริส วูเมอรา แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือทางทหารที่แข็งแกร่งระหว่างออสเตรเลียและอินโดนีเซีย

ทอม แอบกี

ออสเตรเลียและอินโดนีเซียร่วมกันเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านกลาโหมผ่านการสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติการและความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาคภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมฉบับล่าสุดระหว่างสองประเทศ

ข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหม ซึ่งจัดทำขึ้นจากสนธิสัญญาลอมบอก พ.ศ. 2549 และกรอบการร่วมมือด้านกลาโหมที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ ช่วยให้มีการทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น การคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในดินแดนของกันและกัน รวมถึงการฝึกซ้อมทางทหารที่ครอบคลุม

“ข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นว่าเราต้องการรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมิตรภาพที่ยอดเยี่ยมของเรา” นายปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียในสมัยนั้น กล่าวในพิธีลงนามเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 ที่โรงเรียนนายร้อยอินโดนีเซียในเมืองมาเกอลัง นายปราโบโว ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของข้อตกลงในการรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงร่วมกันและส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค

นายริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย เรียกข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมว่าเป็น “ข้อตกลงด้านกลาโหมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ทวิภาคีของเรา”

การฝึกเคอริส วูเมอรา พ.ศ. 2567 ซึ่งสิ้นสุดลงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน เป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่ยกระดับขึ้น การฝึกดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 2,000 นายจากกองทัพออสเตรเลียและกองทัพอินโดนีเซีย โดยมีการปฏิบัติการทางอากาศ ทางทะเล แบบสะเทินน้ำสะเทินบก ตลอดจนการปฏิบัติการบนบก ซึ่งรวมถึงการสาธิตการยิงกระสุนจริงด้วยรถถัง ปืนใหญ่ กองทหารราบ และเครื่องบินขับไล่ในจังหวัดชวาตะวันออกของอินโดนีเซีย

“การฝึกซ้อมร่วมกันนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการทูตทางทหารที่เราพยายามสร้างความไว้วางใจและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียและออสเตรเลีย” พ.ท. เอ็มพรี ไอรูดิน จากกองทัพอินโดนีเซีย กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ ร.อ. คริส โดเฮิร์ทตี จากกองทัพออสเตรเลีย กล่าวว่าในการแถลงการณ์ว่าการฝึกซ้อมนี้ “ได้เสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมที่ใกล้ชิดของเรากับอินโดนีเซีย เสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนชาวอินโดนีเซีย”

การฝึกซ้อมยังรวมถึงการฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ

ข้อเน้นย้ำของข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมในเรื่องของความสามารถในการทำงานร่วมกัน การแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง และการปฏิบัติการร่วมนั้นสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาร่วมกันในทางกลยุทธ์ รวมถึงความมั่นคงทางทะเลและการรับมือกับภัยพิบัติ นายจัสติน แฮสติงส์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ เขียนไว้ในบทความเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่เผยแพร่โดยอีสต์เอเชียฟอรัม ซึ่งตั้งอยู่ในออสเตรเลีย ทั้งสองประเทศมีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการอ้างสิทธิ์ในดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีนใกล้กับหมู่เกาะนาตูนาของอินโดนีเซีย

“ทั้งออสเตรเลียและอินโดนีเซียมักสนับสนุนแนวทางพหุภาคีในการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ โดยย้ำถึงความถูกต้องและการบังคับใช้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล” นายแฮสติงส์เขียนระบุ

ข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมมุ่งเน้นไปที่การถ่ายโอนเทคโนโลยี การฝึกอบรม และความร่วมมือในอุตสาหกรรมกลาโหม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงให้ทันสมัยและกระจายสัดส่วน ข้อกำหนดในข้อตกลงเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่และการส่งกำลังบำรุงในการปฏิบัติการมีความสำคัญอย่างยิ่ง “เพื่อให้เกิดการปฏิบัติการร่วมกันอย่างแท้จริง” นายแฮสติงส์ระบุ

ข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมสะท้อนถึงความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของความร่วมมือทางทหารทวิภาคีในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา การฝึกอบรม และการปฏิบัติการร่วม ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย ตัวอย่างที่โดดเด่นรวมถึงการส่งนักเรียนนายร้อยของกองทัพอินโดนีเซียไปยังโรงเรียนรวมเหล่าออสเตรเลียและโรงเรียนนายร้อยทหารบกออสเตรเลีย-ดันทรูน ซึ่งเป็นภารกิจร่วมกันของสหประชาชาติที่วางแผนไว้ และการฝึกซ้อมร่วมที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติการแบบเดี่ยวและแบบผสม

การฝึกซ้อมโดยใช้กระสุนจริงในชวาตะวันออกเป็นการฝึกซ้อมที่ “ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุด” ที่กองกำลังจากทั้งสองประเทศได้ดำเนินการในอินโดนีเซีย ตามรายงานของสถานทูตออสเตรเลีย

“หลังจากดำเนินการฝึกเคอริส วูเมอรา สำเร็จ ออสเตรเลียและอินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะขยายโอกาสและกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมและความมั่นคงของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น” พ.อ. จัดด์ ฟิงเกอร์ จากกองทัพออสเตรเลีย กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์

ทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์