ไต้หวันและสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงซื้อขายอาวุธมูลค่า 6.74 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเสริมระบบป้องกันขีปนาวุธของเกาะไต้หวัน
ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส
สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 6.74 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ไต้หวัน รวมถึงการส่งมอบระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูงให้แก่เกาะไต้หวันที่ปกครองตนเองนี้เป็นครั้งแรก
ในข้อตกลงนี้ประกอบด้วยระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติจำนวน 3 ระบบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 3.91 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 1.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามรายงานของสำนักงานกิจการการเมืองและการทหารของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงระบบเรดาร์ที่มีมูลค่า 2.79 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 828 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติผ่านการทดสอบในสมรภูมิยูเครนมาแล้ว และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศให้แก่กองทัพไต้หวัน ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมไต้หวันในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567
ขณะนี้ไต้หวันกำลังเสริมสร้างการป้องกันตนเองขึ้นเพื่อรับมือกับการข่มขู่ทางทหารที่เพิ่มขึ้นจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตนและขู่ว่าผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนโดยใช้กำลัง ในช่วงต้นเดือนตุลาคม พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดการซ้อมรบในบริเวณรอบไต้หวัน หลังจากที่นายไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน ได้กล่าวสุนทรพจน์ไป
หลังจากมีการประกาศข้อตกลงการซื้อขายอาวุธ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ส่งเรือรบและอากาศยานทหาร 19 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ เอสยู-30 เพื่อทำการลาดตระเวนเตรียมพร้อมรบรอบไต้หวัน ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ไต้หวันส่งกองกำลังออกไปเพื่อสังเกตการณ์การซ้อมรบ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
แม้สหรัฐฯ จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่ก็มีข้อกฎหมายที่กำหนดให้ต้องจัดหาอาวุธเพื่อให้ไต้หวันสามารถป้องกันตนเองได้
รัฐบาลไต้หวันยินดีกับข้อตกลงการซื้อขายอาวุธ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 17 นับตั้งแต่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งใน พ.ศ. 2564 “ท่ามกลางการคุกคามจากจีน ไต้หวัน … จะยังคงแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการปกป้องตนเองต่อไป” กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันระบุ