เกาหลีใต้เสริมสร้างบทบาทด้านความมั่นคงในภูมิภาค
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และการยั่วยุด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เกาหลีใต้ได้ยกระดับความสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 สิงคโปร์และรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานและก๊าซธรรมชาติเหลว
นายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวว่า เกาหลีใต้จะเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เพื่อตอบโต้การกระทำของเกาหลีเหนือและรัสเซียที่บั่นทอนความมั่นคง รวมถึงกรณีล่าสุดที่เกาหลีเหนือส่งกำลังทหารสนับสนุนสงครามของรัสเซียในยูเครน
หลังจากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์และรัฐบาลเกาหลีใต้ได้สร้างความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ขึ้นภายหลังความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีมา 75 ปี นายยุนได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเงิน 6.75 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานในฟิลิปปินส์ นายยุนเรียกความร่วมมือครั้งนี้ว่าเป็น “บทใหม่” สำหรับทั้งสองประเทศ พร้อมระบุว่าเกาหลีใต้จะ “มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน” ในการปรับปรุงกองทัพฟิลิปปินส์ให้ทันสมัย ตามรายงานของเว็บไซต์เอเชียไทมส์
เกาหลีใต้เป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่เป็นอันดับที่ 10 ของโลก ตามรายงานของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสต็อกโฮล์ม เกาหลีใต้เป็นผู้จัดหาเครื่องบินรบและเรือที่สำคัญ ซึ่งฟิลิปปินส์มีแผนที่จะให้ความสำคัญในช่วงทศวรรษหน้า ตามรายงานของเอเชียไทมส์
ที่กรุงมะนิลา นายยุนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือและข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น สาธารณรัฐประชาชนจีนอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ทางทะเลส่วนใหญ่ แม้ว่าศาลระหว่างประเทศจะตัดสินว่าการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใน พ.ศ. 2559 ก็ตาม
นายยุนกล่าวว่า ฟิลิปปินส์และเกาหลีใต้ “จะยังคงร่วมมือกันเพื่อสร้างระเบียบทางทะเลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา และเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือและการบินตามหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศในทะเลจีนใต้”
อาเซียนและเกาหลีใต้ได้ยกระดับความสัมพันธ์เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นระดับความสัมพันธ์สูงสุดของสมาชิกทั้ง 10 ประเทศกับประเทศคู่เจรจา
การดำเนินการนี้เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยมีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างสม่ำเสมอ และสนับสนุนความพยายามของเกาหลีใต้ในการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์ ความร่วมมือจะขยายไปสู่ความมั่นคงทางไซเบอร์และการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงความยั่งยืนและความยืดหยุ่น ซึ่งครอบคลุมยานพาหนะไฟฟ้าและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยี เช่น เมืองอัจฉริยะ ความมั่นคงทางการค้าและเศรษฐกิจผ่านการร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน และด้านสาธารณสุข
ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึง “ความสำคัญของการรักษาและการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย รวมทั้งเสรีภาพในการเดินเรือและการบินเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ตลอดจนอนุสัญญาองค์การสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525”
โดยได้ให้คำมั่นที่จะส่งเสริม “ความร่วมมือด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล การเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป รวมถึงอนุสัญญาองค์การสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525”
นายยุนกล่าวว่า กองทัพเกาหลีใต้จะยังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมการฝึกซ้อมร่วมกับอาเซียนต่อไป ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะสเตรตส์ไทมส์
หลังจากที่หน่วยข่าวกรองแห่งชาติของรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ว่าเกาหลีเหนือกำลังส่งกำลังทหารไปยังสงครามของรัสเซียในยูเครน นายยุนได้เจรจากับนายมาร์ก รุตเต้ เลขาธิการองค์การนาโต ผู้นำของพันธมิตรด้านความมั่นคงที่มีสมาชิก 32 ประเทศได้ระบุว่าการกระทำของเกาหลีเหนือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างชัดเจน ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป นายรุตเต้และนายยุนได้ให้คำมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยรัฐบาลเกาหลีใต้จะเร่งการแบ่งปันข้อมูลและมาตรการร่วมอื่น ๆ
นอกจากนี้ นายยุนยังได้เข้าพบกับนายอันด์แชย์ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือทางกลาโหมในช่วงสงครามในยูเครน โปแลนด์มีพรมแดนติดกับยูเครนและแคว้นคาลินินกราดของรัสเซียที่ตั้งอยู่บนทะเลบอลติก และการทำข้อตกลงด้านอาวุธระหว่างรัฐบาลโปแลนด์และรัฐบาลเกาหลีใต้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางทหารของโปแลนด์
“เกาหลีใต้จะไม่อยู่นิ่งเฉย” นายยุนกล่าวหลังการเจรจา พร้อมทั้งเสริมว่าทั้งสองประเทศมองว่าการกระทำของเกาหลีเหนือและรัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงระดับโลก