หุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกให้คำมั่นที่จะร่วมมือกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนาโตในกลางเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 โดยได้ตกลงร่วมกันในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อต่อต้านความพยายามในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ผ่านการใช้กำลังหรือการบีบบังคับ
เหล่ารัฐมนตรีได้ประชุมกันที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ท่ามกลางความก้าวร้าวของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในทะเลจีนใต้และพื้นที่อื่น ๆ รวมถึงการทำสงครามกับยูเครนโดยไร้ซึ่งเหตุผลของรัสเซีย รัฐมนตรีได้หารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือในการเสริมสร้างการป้องกันทางไซเบอร์ การผลิตและนวัตกรรมด้านกลาโหม การตอบโต้การบิดเบือนข้อมูล รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ตามรายงานของนาโต นอกจากนี้ยังได้หารือเกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนอีกด้วย
“สงครามในยูเครนได้แสดงให้เห็นว่าความไม่มั่นคงในยุโรปสามารถส่งผลกระทบไปทั่วโลก และกระทั่งประเทศที่อยู่ห่างไกลหลายพันไมล์ เช่น อิหร่าน จีน และแม้แต่เกาหลีเหนือ ก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงในภูมิภาคของเราได้เช่นกัน” ตามรายงานของนายมาร์ก รุตเต้ เลขาธิการองค์การนาโต ในข่าวประชาสัมพันธ์ “โลกของเรามีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และความมั่นคงของเราก็เช่นกัน”
หลังจากการประชุมนาโตเพียงหนึ่งสัปดาห์ เกาหลีใต้ ยูเครน และสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยว่ามีกำลังทหารเกาหลีเหนือประมาณ 3,000 นายกำลังฝึกซ้อมในรัสเซีย
“หากทั้งสองประเทศเป็นฝ่ายร่วมต่อสู้และมีเจตนาเข้าร่วมสงครามในนามของรัสเซีย นั่นจะถือเป็นปัญหาร้ายแรงอย่างยิ่ง” นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าว “ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะในยุโรป แต่ยังส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิกอีกด้วย”
ก่อนการประชุมรัฐมนตรีครั้งดังกล่าว นายรุตเต้ได้ระบุว่าจีนเป็น “ผู้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดสงครามขึ้นในยูเครน โดยได้สนับสนุนความพยายามในการทำสงครามของรัสเซียผ่านการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรและการจัดหาสินค้าที่ใช้ได้ทั้งทางทหารและพลเรือน” นายออสตินกล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างนาโตกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ “ไม่ใช่แค่ปัญหาเกี่ยวกับจีนเท่านั้น แต่เป็นความร่วมมือในวงกว้าง โดยตระหนักว่าทั้งสองภูมิภาคของเรามีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง”
สหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วนเพื่อขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางความร่วมมือระหว่างพันธมิตรในยุโรป แนวร่วมในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และประเทศอื่น ๆ ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวก่อนการประชุมสุดยอดนาโตในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยได้เรียกความร่วมมือนี้ว่าเป็น “ส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ที่เกิดขึ้นใหม่”
สำหรับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ การรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้เกิดความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกจากภัยคุกคามต่อความมั่นคงในยุโรป ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ พลังงาน และความมั่นคงด้านอาหารเท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณถึงการละเมิดระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาของรัสเซียที่ส่งต่อไปยังจีนและเกาหลีเหนืออีกด้วย นางมีร์นา กาลิค นักวิเคราะห์นโยบายอาวุโสแห่งสถาบันเพื่อสันติภาพสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เขียนเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2567
ความสัมพันธ์ระหว่างนาโตกับหุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกยังคงแน่นแฟ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้นำของออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดนาโตเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2565 และเข้าร่วมอีกครั้งใน พ.ศ. 2566 และ 2567 ประเทศหุ้นส่วนเหล่านี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและมุมมองในระดับภูมิภาคให้กับพันธมิตรนาโต “พร้อมทั้งมีคุณสมบัติที่ทำให้พวกเขาน่าสนใจในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศสมาชิกนาโต ได้แก่ กองทัพที่มีความเป็นมืออาชีพและปฏิบัติตามหลักนิติธรรม การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่สูง และสถานะเป็นประชาธิปไตยที่มั่นคงพร้อมกับสถิติด้านสิทธิมนุษยชนที่เข้มแข็ง” ตามรายงานของสถาบันเพื่อสันติภาพสหรัฐอเมริกาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
ขีดความสามารถทางอวกาศของญี่ปุ่นและด้านอื่น ๆ อาจมีความสำคัญต่อขอบเขตใหม่ ๆ ของนาโต ญี่ปุ่นและพันธมิตรได้หารือเกี่ยวกับปัญหาด้านความมั่นคงในอวกาศใน “การปรึกษาหารือและการมีส่วนร่วมระดับสูง” ตามรายงานของนายจอร์จิ ซิโอนี หัวหน้าฝ่ายขีดความสามารถด้านอาวุธและอวกาศของนาโต
การหารือเหล่านี้ทำให้นาโตสามารถระบุด้านต่างๆ ที่มีโอกาสในการร่วมมือกันได้ ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับอวกาศและการพัฒนาขีดความสามารถร่วมกัน นายจอร์จิ ซิโอนีกล่าวที่งานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติญี่ปุ่นในช่วงกลางเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่กรุงโตเกียว ตามรายงานของนิตยสารเนชันแนลดีเฟนซ์
“การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของญี่ปุ่นในความพยายามเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของความร่วมมือของเรา และความมุ่งมั่นร่วมกันในการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพในอวกาศ” นายซิโอนีกล่าว