หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปกล่าวว่ายุโรปต้องตอบโต้ภัยคุกคามจากจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ
![](https://ipdefenseforum.com/wp-content/uploads/2024/11/2022-03-09T000000Z_500974620_MT1IMGOST000HQBDXA_RTRMADP_3_IMAGO-IMAGES-780x470.jpg)
วอยซ์ออฟอเมริกา
หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศคนใหม่ของสหภาพยุโรปส่งสัญญาณว่าตนจะแสดงจุดยืนที่เข้มงวดต่อสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัสเซีย พร้อมผลักดันให้เกิดพันธมิตรที่เข้มแข็งระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกา
นางไคยา คาลลัส กล่าวต่อรัฐสภายุโรปเป็นครั้งแรกหลังการเข้ารับตำแหน่งใหม่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 โดยเน้นว่าสหภาพยุโรปจะยืนหยัดในความมุ่งมั่นในการสนับสนุนยูเครนเพื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานของรัสเซีย
นางคาลลัสเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีเอสโตเนียและจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปเป็นระยะเวลา 5 ปี เธอได้กล่าวเตือนว่า อิหร่าน เกาหลีเหนือ รัสเซีย และจีนซึ่งใช้วิธีการลับ ๆ ต่างต้องการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ นางคาลลัสเรียกร้องให้สหภาพยุโรปตอบโต้ภัยคุกคามนี้ร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดที่สุด “โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวตนของเราแม้แต่นิดเดียว”
นโยบายของนางคาลลัส “ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนชัยชนะของยูเครน” นางเอลเซ พิเนไลเต ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหภาพยุโรป กล่าว
นางคาลลัส “แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ว่ายุโรปต้องลงมือทำมากขึ้นเพื่อการป้องกันและความมั่นคงของตนเอง และสิ่งนี้ไม่ได้ขัดแย้งกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต และพันธมิตรระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกา” นายอีวาน ยู. คลิสซ์ นักวิจัยจากศูนย์ด้านกลาโหมและความมั่นคงระหว่างประเทศในเอสโตเนีย กล่าว
ท่าทีที่หนักแน่นของนางคาลลัสต่อรัฐบาลจีนแสดงให้เห็นชัดเจนเป็นครั้งแรกในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย โดยรัฐบาลของเธอสนับสนุนให้มีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับจีนภายใต้กรอบความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและจีน
ใน พ.ศ. 2565 เอสโตเนียประกาศถอนตัวจากความร่วมมือที่จีนเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศจีนกับประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก
หลังการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปใน พ.ศ. 2567 นางคาลลัสได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าแผนกนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ในเวลาต่อมา เธอจึงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นางพิเนไลเตกล่าวว่านางคาลลัสอาจ “แสวงหาการสนับสนุนเพื่อจำกัดความสามารถของจีนในการช่วยรัสเซียทำสงคราม” นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่กล่าวว่า รัฐบาลจีนสนับสนุนการรุกรานของรัฐบาลรัสเซียด้วยการจัดหาเทคโนโลยีที่ใช้ได้ทั้งในทางพลเรือนและทางการทหาร ซึ่งนำไปใช้ในอาวุธ เช่น ขีปนาวุธ โดรน และรถถัง
นับตั้งแต่การรุกรานยูเครนโดยไม่มีเหตุอันสมควรของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 สหภาพยุโรปได้ประณามรัฐบาลจีนที่สนับสนุนรัฐบาลรัสเซีย นางคาลลัสกล่าวว่าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากจีน “รัสเซียไม่สามารถดำเนินสงครามในระดับที่รุนแรงแบบนี้ต่อไปได้”
นางคาลลัสกล่าวว่าจีนสมควรต้องแบกรับ “ภาระที่หนักอึ้งยิ่งขึ้น” สำหรับการสนับสนุนรัสเซีย
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 นางคาลลัสกล่าวต่อรัฐสภายุโรปว่า ในฐานะหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เธอจะมุ่งมั่นที่จะตอบโต้ “ความฝันจักรวรรดินิยม” ของรัสเซียและ “การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม” ของจีน
เป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่สหภาพยุโรปและรัฐบาลจีนมีข้อพิพาทด้านการค้าเกี่ยวกับสินค้าหลายประเภท เช่น รถยนต์ไฟฟ้า โดยสหภาพยุโรประบุว่าการให้เงินอุดหนุนจำนวนมากของจีนเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม