ความร่วมมือเรื่องเด่น

สันติภาพที่แท้จริงจาก ความมั่นคง ที่แข็งแกร่ง

ความมุ่งมั่นของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการป้องปรามได้ช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพระดับโลกให้แข็งแกร่งขึ้น

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

เร่อพัฆิ าตตดิ ตงั ขปี นาว้ธนําาวถิ อี าร์โอเคเอส ซีอแอ ริว ซีอง-รยีอง ของสาธารณรัฐเกำาหุ้ลี (จีากำซีายี) เร่อบัรรท้กำเคร่องบัินยีูเอสเอส ธีโอดอร์ โรสเวลต์ ของกำองทพััเร่อสหุ้รัฐฯและเร่อพัฆิาตเจีเอสอาริอาเกำะของกำองกำาําลงัปองกำนัตนเองทางทะเลญปี่้นแล่นเป็นขบัวนในระหุ้ว่างกำารฝั่ึกำซีอมิเมิอ่เดอ่น เมิษายีน พั.ศ. 2567 จี.อ. โที่มิส่ั กำลู ่ย์/กำองที่พัั เรือส่หุ้รัฐ์ฯ

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก สาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐอเมริกากำลังเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมและขยายความมุ่งมั่นในการป้องปรามด้วยขีดความสามารถที่ครบวงจร เพื่อรับรองถึงเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี

นับตั้งแต่ที่ข้อตกลงสงบศึกสิ้นสุดสงครามเกาหลีและยุติการสู้รบบนคาบสมุทรเกาหลีเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้กลายเป็นเสาหลักของความมั่นคงในภูมิภาคนี้ เนื่องจากเกาหลีเหนือยังคงยั่วยุด้วยการใช้อาวุธนิวเคลียร์ กองบัญชาการกองกำลังผสมเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จึงใช้ขีดความสามารถร่วมกันในการป้องปรามและปราบปรามการรุกราน หากจำเป็น ในขณะเดียวกัน กองบัญชาการขององค์การสหประชาชาติได้แสดงถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของชุมชนระหว่างประเทศในการป้องกันความขัดแย้ง โดยการรักษาข้อตกลงสงบศึกและการสนับสนุนจากพันธมิตร

ขณะที่เกาหลีใต้เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค ปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย และยกระดับความพร้อมในการสู้รบผ่านการฝึกอบรมระดับทวิภาคีและพหุภาคี พันธมิตรก็ยังคงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและทั่วโลก

ฟอรัมได้พูดคุยกับผู้นำกองบัญชาการกองกำลังผสมจำนวน 3 คน (จากซ้ายไปขวา) พล.จ. อู ซอกแจ แห่งกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีและรองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการฝ่ายแผนผสม/ร่วม พ.อ. คิม ยองอิล หัวหน้าฝ่ายการฝึกซ้อม และ พ.อ. จอง ฮีฮยอง หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับภัยคุกคามที่คาบสมุทรเกาหลีกำลังเผชิญ และความสำคัญของความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่จะยังคงยั่งยืน

ความคิดเห็นของทั้งสามคนได้รับการปรับให้เหมาะสมกับรูปแบบของ ฟอรัม

คุณคิดว่าภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่สำคัญบนคาบสมุทรเกาหลีคืออะไร และจะอธิบายความพยายามที่สำคัญที่สุดของกองบัญชาการกองกำลังผสมในการป้องปรามภัยคุกคามเหล่านั้นว่าอย่างไร?

พล.จ. อู: คาบสมุทรเกาหลีกำลังเผชิญกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่หลากหลาย ทว่าภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดคือการพัฒนาและใช้งานขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แม้จะเผชิญกับการคว่ำบาตรจากนานาชาติและเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เกาหลีเหนือก็ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธและเสริมสร้างกองกำลังแบบเดิมอย่างต่อเนื่อง การกระทำดังกล่าวชัดเจนว่าขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้งยังทำลายความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ไม่เพียงแต่ในคาบสมุทรเกาหลี แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและชุมชนระหว่างประเทศโดยรวม กองบัญชาการกองกำลังผสม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กำลังรักษาท่าทีที่แน่วแน่และเตรียมพร้อมร่วมกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และเราเห็นว่าขีดความสามารถอันล้นหลามของพันธมิตรถือเป็นรากฐานสำคัญในการป้องปรามการยั่วยุจากเกาหลีเหนือ การฝึกซ้อมร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นทุกสองปี โดยมีกองทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ หน่วยงานของรัฐ และกองบัญชาการขององค์การสหประชาชาติร่วมเข้าด้วย ถือเป็นแนวทางหลักของกองบัญชาการกองกำลังผสมในการรักษาความพร้อมรบ ซึ่งใน พ.ศ. 2566 และ 2567 เราได้ดำเนินการซ้อมรบขนาดใหญ่ที่สุด โดยสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและขีดความสามารถอันแข็งแกร่งของความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ

การมีส่วนร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ เช่น การที่เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 สตราโตฟอร์เทรส ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ลงจอดในเกาหลีใต้ และการที่เรือดำน้ำติดขีปนาวุธระยะไกลของกองทัพเรือสหรัฐฯ เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ มีความสำคัญมากน้อยเพียงใด?

พล.จ. อู: การที่สาธารณรัฐเกาหลีเผชิญกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการขยายการป้องปรามตามความเป็นพันธมิตรกับระหว่างเราทั้งสองประเทศ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องปรามภัยคุกคามเหล่านี้ ดังนั้น การส่งสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิดและเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เข้าร่วมการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขยายการป้องปรามอย่างชัดเจน และช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ ความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กำลังเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศสำคัญในภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการป้องปรามการโจมตีจากเกาหลีเหนือ

สิ่งที่ควรตระหนักคือสาธารณรัฐเกาหลียังคงยึดมั่นในหลักการไม่แพร่ขยายอาวุธ แม้จะเผชิญกับภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์โดยตรงก็ตาม อีกทั้งการขยายการป้องปรามที่เกิดขึ้นยังทำให้เกาหลีใต้ยังคงสามารถรักษาความเชื่อในหลักการไม่แพร่ขยายอาวุธต่อไปได้ ดังนั้น การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของสหรัฐฯ จึงมีความสำคัญไม่เพียงแต่ในการป้องปรามอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่ยังมีผลต่อการรักษาระเบียบระหว่างประเทศด้วย

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 เจ้าหน้าที่จากเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาได้ประชุมร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการเป็นผู้นำและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น กองบัญชาการกองกำลังผสม

กลุ่มที่ปรึกษาด้านนิวเคลียร์ระดับทวิภาคีที่จัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2566 มีความสำคัญต่อคาบสมุทรเกาหลีและความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ อย่างไร?

พ.อ. จอง:ในโอกาสเฉลิมฉลองวันครบรอบ 70 ปีของความเป็นพันธมิตร ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐฯ ได้ตกลงร่วมกันในปฏิญญาวอชิงตัน ซึ่งเป็นการเปิดตัวกลุ่มที่ปรึกษาด้านนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก กลุ่มที่ปรึกษาด้านนิวเคลียร์ถือเป็นรากฐานสำคัญในการขยายการป้องปรามของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กลุ่มที่ปรึกษาด้านนิวเคลียร์เป็นหน่วยงานระดับทวิภาคีที่มีบทบาทในการเสริมสร้างการขยายการป้องปรามเกาหลีเหนือ โดยการร่วมมือกันวางแผนและพัฒนายุทธศาสตร์ทางนิวเคลียร์ ยิ่งไปกว่านั้น หน่วยงานดังกล่าวยังมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในการขยายการป้องปราม โดยการกำหนดบทบาทของทั้งสองประเทศในความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์

ในระหว่างการเจรจาด้านกลาโหมแบบบูรณาการครั้งที่ 24 ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ทั้งสองประเทศตกลงที่จะดำเนินการฝึกซ้อมการวางแผนเพื่อจำลองสถานการณ์การใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการปกป้องสาธารณรัฐเกาหลีโดยการบูรณาการขีดความสามารถด้านอาวุธแบบดั้งเดิม ขีปนาวุธ และนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ รวมถึงการส่งสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์เข้าร่วมการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ

การดำเนินการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของความเป็นพันธมิตรระหว่างสองประเทศ และเป็นการพิสูจน์ถึงการปรับเปลี่ยนของความเป็นพันธมิตรไปสู่กระบวนทัศน์ใหม่ โดยสะท้อนถึงขีดความสามารถในการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ

ความร่วมมือระดับไตรภาคีระหว่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ได้รับการส่งเสริมมากขึ้น ผ่านการเปิดตัวแผนการฝึกซ้อมระยะยาวและการเปิดใช้งานระบบเตือนภัยขีปนาวุธตามเวลาจริงร่วมกัน หลังจากการลงนามในปฏิญญาวอชิงตัน เหตุใดความร่วมมือดังกล่าวจึงมีความสำคัญต่อคาบสมุทรเกาหลีและภูมิภาคอื่น ๆ?

พ.อ. จอง: การประชุมสุดยอดไตรภาคีระหว่างเกาหลีใต้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่แคมป์เดวิดใน พ.ศ. 2566 ถือเป็นโอกาสสำคัญในการหารือเกี่ยวกับกรอบการทำงานใหม่สำหรับสันติภาพและเสรีภาพในภูมิภาค โดยยึดตามค่านิยมร่วมที่ทั้งสามประเทศมีร่วมกัน ทั้งสามประเทศยืนยันความมุ่งมั่นในการปรึกษาหารือและตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อรับมือกับเกาหลีเหนือ โดยยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงเมื่อเห็นว่าภัยคุกคามต่อประเทศใดประเทศหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสามประเทศได้

นอกจากนี้ ทั้งสามประเทศยังตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันเกี่ยวกับการเตือนภัยขีปนาวุธตามเวลาจริง และวางแผนการฝึกอบรมแบบผสมผสานระยะยาวในระดับไตรภาคี ผู้นำฝ่ายกลาโหมของทั้งสามประเทศเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือทั้งในระดับไตรภาคีและระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างสมบูรณ์

ความร่วมมือระดับไตรภาคีนี้จะเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและช่วยให้เราสามารถรับมือกับความท้าทายที่เผชิญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือดังกล่าวมีความสำคัญต่อสันติภาพของชุมชนระหว่างประเทศ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเท่านั้น

การฝึกซ้อมล่าสุด เช่น การฝึกฟรีดอม ชิลด์ และการฝึกซ้อมที่กำลังจะจัดขึ้น มีบทบาทอย่างไรในการป้องปรามและวัตถุประสงค์ร่วมกันอื่น ๆ?

พ.อ. คิม:การฝึกซ้อมและการฝึกอบรมทางทหารแบบผสมผสานระดับพหุภาคี เช่น การฝึกฟรีดอม ชิลด์ กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง การฝึกแต่ละครั้งเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นและจัดบ่อยครั้งมากขึ้น พร้อมกับสถานการณ์จำลองที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้กองกำลังผสมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ รวมถึงกองบัญชาการขององค์การสหประชาชาติ มีความพร้อมอยู่เสมอ ผมเชื่อว่าการฝึกซ้อมและการฝึกอบรมเหล่านี้ไม่เพียงสนับสนุนความมั่นคงของคาบสมุทรเกาหลีเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของภูมิภาคอินโดแปซิฟิกด้วย

การฝึกฟรีดอม ชิลด์ ถือเป็นการฝึกซ้อมแบบผสมผสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมุ่งรักษาความมั่นคงของการป้องกันแบบผสมผสานอย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกซ้อมนี้จัดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำบทเรียนจากสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมด้านภัยคุกคามและความมั่นคงมาปรับใช้ โดยเน้นที่ปฏิบัติการหลายมิติและการต่อต้านภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ในระหว่างการฝึกซ้อมใน พ.ศ. 2567 เราได้จัดการฝึกซ้อมภาคสนามในระดับที่ใหญ่ขึ้น เพื่อพัฒนาการทำงานร่วมกันของพันธมิตรและเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการแบบผสมผสาน

คุณคิดเห็นอย่างไรกับแนวคิดที่ว่า ความพร้อมในการสู้รบจะลดลงหากไม่มีการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง? หลักการดังกล่าวและการดำเนินการตามหลักการนี้ในภูมิทัศน์ด้านความมั่นคงในปัจจุบันมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด?

พ.อ. คิม: การรักษาความพร้อมในการสู้รบต้องอาศัยความพยายามอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ กองกำลังผสมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จึงทำการฝึกซ้อมและฝึกอบรมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ความพยายามดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องปรามและตอบสนองต่อการยั่วยุทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการสร้างสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เอื้อต่อเราในภูมิภาค การฝึกซ้อมและการฝึกอบรมเป็นภารกิจพื้นฐานของกองทัพที่ช่วยให้เราสามารถรักษาความแข็งแกร่งและความพร้อมของกองทัพไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่เรายังคงฝึกซ้อมและฝึกอบรมร่วมกับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อว่าจำเป็นต้องขยายโอกาสในการฝึกซ้อมร่วมกับประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันด้วย

เกาหลีใต้มียุทธศาสตร์ในการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามอย่างไรบ้าง?

พ.อ. จอง: กองทัพเกาหลีใต้กำลังดำเนินการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย โดยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับใช้และเสริมสร้างขีดความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางสังคม กลาโหม และความมั่นคงอย่างมีประสิทธิภาพ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านกลาโหม กองทัพเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการสู้รบทั้งแบบมีคนขับและไร้คนขับ รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถในด้านอวกาศ ไซเบอร์ สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า และการสั่งการและควบคุมร่วมทุกมิติ ความพยายามทั้งหมดเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมให้กองทัพรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการสงครามและภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากทุกมิติอย่างแข็งขันและครอบคลุม

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 กองทัพเกาหลีใต้ได้ประกาศแผนการทางกลาโหมเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมุ่งรักษาขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมในระดับชาติ

กองทัพสามารถดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงสนับสนุนการจัดตั้งนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับภาคพลเรือนและภาครัฐได้ที่ศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ด้านกลาโหมของสาธารณรัฐเกาหลี

กองบัญชาการกองกำลังผสมรักษาเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างไร?

พ.อ. คิม:แม้ว่ากองกำลังแบบดั้งเดิมบางส่วนของเกาหลีเหนือจะมีคุณภาพด้อยลง แต่กองกำลังเหล่านี้ยังคงถือเป็นภัยคุกคามอยู่ นอกจากนี้ ภัยคุกคามจากนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยใน พ.ศ. 2566 เกาหลีเหนือได้เพิ่มระดับภัยคุกคามด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ต่อไป

กองบัญชาการกองกำลังผสมมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนความมั่นคงของคาบสมุทรเกาหลี โดยทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เกาหลีเหนือระบุว่ากองบัญชาการกองกำลังผสมเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดต่อความพยายามในการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลี สิ่งนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงประสิทธิภาพของกองบัญชาการกองกำลังผสมในด้านการป้องปราม

นอกจากนี้ กองบัญชาการกองกำลังผสมยังทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการพัฒนาแผนปฏิบัติการแบบผสมผสานระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ด้วย เรากำลังวิเคราะห์ภัยคุกคามใหม่ ๆ และพัฒนาแผนการอย่างต่อเนื่อง โดยอิงจากข้อมูลข่าวกรองที่ทันสมัย นอกจากนี้ เรากำลังตรวจสอบและปรับปรุงแผนปฏิบัติการใหม่ ๆ ผ่านการฝึกอบรมร่วมกันทุกสองปี ซึ่งครอบคลุมขีดความสามารถทั้งหมดของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ

เกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะก้าวร้าวมากขึ้นหรือไม่ และเราต้องรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร?

พ.อ. คิม: โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่พันธมิตรกำลังเผชิญ ซึ่งเห็นได้ชัดจากยุทธศาสตร์นิวเคลียร์เชิงรุกและการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถพบกับสันติภาพที่แท้จริงได้ผ่านการรักษาความปลอดภัยที่มั่นคงเท่านั้น เราจำเป็นต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ และเราต้องสร้างขีดความสามารถที่โดดเด่นในการรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ เพื่อส่งเสริมสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทร ในการรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะขยายการป้องปราม ปรับปรุงยุทธศาสตร์การป้องปรามให้สอดคล้องกับความต้องการของพันธมิตร และพัฒนายุทธศาสตร์ในการรับมือกับขีปนาวุธ ทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการป้องปรามภัยคุกคามจากขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยยืนยันว่าจะตอบโต้การโจมตีด้วยนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงและเด็ดขาด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button