การสร้าง ประวัติศาสตร์
พ.อ. โบนิเฟส อารุมะ เจ้าหน้าที่ของกองทัพปาปัวนิวกินีคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบกออสเตรเลีย
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ภาพถ่ายจากกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย
ในฐานะบุตรชายของทหารและมีความปรารถนาที่จะสำรวจโลกกว้างนอกเหนือจากเกาะบ้านเกิดของตน พ.อ. โบนิเฟส อารุมะ จึงตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพที่ดูเหมือนจะสอดคล้องกับความสนใจของเขา อย่างไรก็ตาม เกือบ 30 ปีหลังจากที่เข้าร่วมกองทัพปาปัวนิวกินี จุดหมายปลายทางล่าสุดในเส้นทางอาชีพของ พ.อ. อารุมะกลับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ในช่วงต้น พ.ศ. 2567 พ.อ. อารุมะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 3 ของออสเตรเลีย โดยเป็นเจ้าหน้าที่จากกองทัพปาปัวนิวกินีคนแรกที่ได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่งอาวุโสดังกล่าวในกองทัพออสเตรเลีย
พ.อ. อารุมะกล่าวว่าการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นสายสัมพันธ์ที่มีร่วมกันระหว่างกองทัพปาปัวนิวกินีและกองทัพออสเตรเลีย “อีกทั้งการแต่งตั้งนี้ยังสะท้อนถึงความจริงใจของออสเตรเลียในการเสริมสร้างอำนาจและพัฒนาศักยภาพของประเทศเกาะแปซิฟิกขนาดเล็กแห่งนี้” พ.อ. อารุมะกล่าวกับ ฟอรัม
ปาปัวนิวกินี ซึ่งมีช่องแคบตอร์เรสยาว 150 กิโลเมตรกั้นระหว่างปลายด้านเหนือของออสเตรเลีย ได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2518 หลังจากที่ประเทศนี้อยู่ภายใต้การบริหารของออสเตรเลีย ผู้เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางใต้มานานหลายสิบปี ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ พ.อ. อารุมะจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ออสเตรเลียและปาปัวนิวกินีได้ลงนาม ในข้อตกลงด้านความมั่นคงที่มุ่งยกระดับการป้องกันประเทศ การวางนโยบาย และกระบวนการยุติธรรมของปาปัวนิวกินี ข้อตกลงนี้รวมถึงการลงทุนมูลค่า 4.41 พันล้านบาท (ประมาณ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งจะใช้ในการฝึกอบรมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มจำนวนตำรวจของปาปัวนิวกินีเป็นสองเท่า โดยมุ่งหมายให้มีตำรวจทั้งหมด 10,000 นาย เจ้าหน้าที่กล่าว
กองกำลังของทั้งสองประเทศได้ดำเนินการฝึกทวิภาคี เช่น ชุดการฝึกปุกปุกและชุดการฝึกโอลเกต้าวอร์ริเออร์ นอกจากนี้ กองทัพปาปัวนิวกินียังได้เข้าร่วมการฝึกทาลิสมันเซเบอร์ระดับพหุภาคีที่จัดขึ้นในออสเตรเลียเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2566 ออสเตรเลียได้มอบอากาศยานลำเลียงขนาดเล็ก พีเอซี 750 ใหม่สองลำให้กับกองทัพปาปัวนิวกินีในช่วงปลาย พ.ศ. 2566 และกำลังช่วยปรับปรุงฐานปฏิบัติการกองกําลังทางอากาศในพอร์ตมอร์สบี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของปาปัวนิวกินีอีกด้วย เนื่องจากกองทัพออสเตรเลียมีจำนวนทหารถึง 85,000 นาย ดังนั้นจึงมีขนาดใหญ่กว่ากองทัพปาปัวนิวกินีประมาณ 20 เท่า
ในขณะเดียวกัน กองพลน้อยที่ 3 ซึ่งมีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ค่าย ลาวาแร็กในเมืองทาวน์สวิลล์ รัฐควีนส์แลนด์ กำลังจะกลายเป็นกองพลน้อยยานเกราะที่ออกแบบมาเพื่อปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกร่วมกับกองทัพเรือออสเตรเลีย บุคลากรเพิ่มเติมอีก 500 นายจะเคลื่อนกำลังพลไปยังเมืองที่มีกองทหารรักษาการณ์บนชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ซึ่งภายใน พ.ศ. 2568 เมืองนี้จะเป็นที่ตั้งของยานเกราะหนักทั้งหมดของกองทัพบกและกองเรือเฮลิคอปเตอร์ประมาณครึ่งหนึ่ง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างใหม่ครั้งสำคัญของกองทัพออสเตรเลีย ซึ่งมีเป้าหมาย “เพื่อยกระดับขีดความสามารถ ความพร้อม และการรุก” ตามที่กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียประกาศเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2566
พ.อ. เดวิด แมคแคมมอน ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 3 แห่งกองทัพบกออสเตรเลีย กล่าวว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของกองทัพปาปัวนิวกินีจะเคยทำงานร่วมกับกองทัพออสเตรเลียแล้วก็ตาม ทว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดที่ได้รับตำแหน่งในระดับสูงหรือมีอำนาจการบังคับบัญชาเทียบเท่ากับ พ.อ. อารุมะมาก่อน “เรามีความสัมพันธ์อันยาวนานมาหลายทศวรรษแล้ว และนี่ถือเป็นขั้นสุดท้ายที่จะทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นในฐานะกองกำลังที่ปฏิบัติการร่วมกันอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคใกล้เคียง” พ.อ. แมคแคมมอนกล่าวกับ ฟอรัม ในช่วงปลาย พ.ศ. 2566
พ.อ. อารุมะสำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการศึกษาด้านกลาโหมจากออสเตรเลีย และเคยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่แลกเปลี่ยนที่นั่นหลายครั้ง “ผมตั้งใจที่จะเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดให้กับกองพลน้อยที่ 3 โดยเฉพาะในเรื่องของแนวทางการปรับตัวตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” พ.อ. อารุมะกล่าวในพิธีเลื่อนตำแหน่งของตนที่พิพิธภัณฑ์กองทัพบกควีนส์แลนด์เหนือในเมือง
ทาวน์สวิลล์ ตามรายงานของข่าวประชาสัมพันธ์ “ทั้งสองประเทศต่างมีความสนใจ ค่านิยม ประวัติศาสตร์ที่คล้ายคลึงกัน และสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์เหล่านี้ดำเนินไปได้คือความเป็นเพื่อนมนุษย์”
พ.อ. อารุมะกล่าวกับ ฟอรัม เกี่ยวกับประสบการณ์ทางทหาร เป้าหมายสำหรับบทบาทใหม่ รวมถึงความท้าทายและโอกาสที่มีร่วมกันสำหรับกองกำลังของประเทศหุ้นส่วน มีการเรียบเรียงบทสนทนาเพื่อให้เหมาะสมกับการนำเสนอของ ฟอรัม
ฟอรัม: คุณเป็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพปาปัวนิวกินีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพออสเตรเลีย การเลื่อนตำแหน่งของคุณเกิดขึ้นได้อย่างไร และคุณมีเป้าหมายอะไรสำหรับตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 3?
พ.อ. อารุมะ: ผมรู้สึกประหลาดใจเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 ผมและซินเทีย ภรรยาของผม ได้รับเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพปาปัวนิวกินี โดยในระหว่างนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้แจ้งให้ผมทราบว่าผมจะได้รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 3 ผมตั้งใจที่จะเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระหว่างดำรงตำแหน่งกองพลน้อยที่ 3 จากนั้นจะนำประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับจากปฏิบัติการในกองทัพขนาดใหญ่ไปปรับใช้กับกองทัพปาปัวนิวกินี ผมหวังว่าข้อมูลและประสบการณ์ของผมจะช่วยให้กองทัพปาปัวนิวกินีเติบโตและเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ กองพลน้อยที่ 3 ยังได้ลงทุนอย่างหนักในการสนับสนุนการเติบโตและพัฒนาของกองทัพบกปาปัวนิวกินี ดังนั้นในระหว่างที่ผมอยู่ที่นี่ ผมหวังว่าจะได้มีส่วนช่วยในการกำหนดทิศทางและส่งเสริมความพยายามของกองพลน้อยที่ 3 ในการพัฒนากองทัพบกปาปัวนิวกินี นอกจากนี้ ผมยังตั้งใจที่จะใช้ประสบการณ์และความรู้ของตนเองเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับกิจกรรมของกองพลน้อยที่ 3
ฟอรัม: การแต่งตั้งให้คุณได้รับตำแหน่งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพออสเตรเลียและกองทัพปาปัวนิวกินีอย่างไร?
พ.อ. อารุมะ: การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์อันยั่งยืนระหว่างออสเตรเลียและปาปัวนิวกินี รวมถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความจริงใจของออสเตรเลียในการเสริมสร้างอำนาจและพัฒนาศักยภาพของประเทศเกาะแปซิฟิกขนาดเล็กแห่งนี้
ฟอรัม: คุณมีทักษะและประสบการณ์ใดบ้างที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรของกองทัพออสเตรเลียภายใต้การบังคับบัญชาของคุณ?
พ.อ. อารุมะ: ผมนำประสบการณ์จากการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการด้านความมั่นคงที่นำโดยตำรวจ นอกจากนี้ ผมยังมีประสบการณ์ในการจัดการกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ ความรู้และภูมิหลังของผมในฐานะชาวเมลานีเซียและชาวเกาะแปซิฟิกเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเข้าใจและเพิ่มคุณค่าให้กับความพยายามในภูมิภาคนี้
ฟอรัม: คุณคาดหวังว่าบทบาทของคุณจะช่วยส่งเสริมกองทัพปาปัวนิวกินีในด้านใดบ้าง?
พ.อ. อารุมะ: รับมุมมองที่แตกต่างในการแก้ไขปัญหาและช่องว่างด้านความรู้ การพัฒนาความเป็นผู้นำในพื้นที่การสู้รบ การปรับปรุงทักษะการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การปฏิรูปองค์กร การยกระดับทักษะในปฏิบัติการ รวมทั้งการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์และการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ
ฟอรัม: กองทัพออสเตรเลียและกองทัพปาปัวนิวกินีแบ่งปันความท้าทายและโอกาสอะไรบ้างในสภาพแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ปัจจุบัน?
พ.อ. อารุมะ: ความท้าทายที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกัน ได้แก่ การรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค รวมถึงการเฝ้าระวังและการปกป้องพรมแดนระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกัน ได้แก่ การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศที่มีอยู่แล้ว และทำให้ความสัมพันธ์นั้นยั่งยืนยิ่งขึ้น
ฟอรัม: เหตุใดคุณถึงเข้าร่วมกองทัพปาปัวนิวกินี และเส้นทางอาชีพของคุณที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?
พ.อ. อารุมะ: ผมเข้าร่วมกองทัพปาปัวนิวกินีใน พ.ศ. 2539 ด้วยสองเหตุผลคือ ประการแรก พ่อผู้ล่วงลับของผมเป็นทหาร และอิทธิพลของท่านได้ส่งผลต่อผมอย่างลึกซึ้ง และประการที่สองคือผมต้องการออกไปสำรวจโลกภายนอก ผมมีพื้นฐานเป็นเจ้าหน้าที่ทหารราบ ผมเข้ารับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกออสเตรเลียดันทรูน ประเทศออสเตรเลีย และผมได้ศึกษาเพิ่มเติมที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบกและวิทยาลัยสงครามในกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย จากนั้น ผมได้ใช้เวลาในการทำงานที่หน่วยปฏิบัติการ หน่วยฝึกอบรม และสำนักงานใหญ่ด้านยุทธศาสตร์ ผมได้รับประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสำหรับปฏิบัติการด้านความมั่นคงเพื่อสนับสนุนตำรวจในการฟื้นฟูเสถียรภาพและหลักนิติธรรมภายในประเทศ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่บทบาทในปฏิบัติการชายแดน ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติ ไปจนถึงการวางแผนและดำเนินปฏิบัติการด้านความมั่นคงสำหรับการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก พ.ศ. 2561
ฟอรัม: คุณและครอบครัวปรับตัวกับการใช้ชีวิตในเมืองทาวน์สวิลล์อย่างไร?
พ.อ. อารุมะ:ผมและครอบครัวได้เดินทางเข้าออกออสเตรเลียอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในการปรับตัวเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ ส่วนที่ดีที่สุดคือสภาพอากาศในเมืองทาวน์สวิลล์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน นอกจากนี้ กองพลน้อยที่ 3 และฝ่ายนโยบายระหว่างประเทศได้ให้การสนับสนุนอย่างดีเยี่ยม ซึ่งสร้างความแตกต่างอย่างมากในการช่วยให้ครอบครัวปรับตัวในเมืองทาวน์สวิลล์