การฝึกระดับพหุชาติช่วยสร้างความพร้อมและสร้างมรดกในติมอร์-เลสเต

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

กว่ายี่สิบห้าปีหลังจากที่กองทัพออสเตรเลียส่งทหารไปยังติมอร์-เลสเตครั้งแรกเพื่อฟื้นฟูความสงบในช่วงที่เกิดความไม่สงบทางการเมือง วิศวกรของกองทัพบกออสเตรเลียและผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ได้เดินทางไปยังประเทศเกาะแห่งนี้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งเสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกันและความพร้อมในการปฏิบัติการ

การฝึกซ้อมฮารีฮามูตุก ครั้งที่ 13 ซึ่งมีความหมายว่า “ร่วมพัฒนาไปด้วยกัน” ในภาษาเตตุ้มท้องถิ่น ยังมีเจ้าหน้าที่จากญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ติมอร์-เลสเต และสหรัฐอเมริกา ตามรายงานของกองทัพออสเตรเลีย โครงการต่าง ๆ ประกอบไปด้วยการก่อสร้างอาคารที่พักสำหรับทหารชายและหญิงที่ฐานทัพเบาเกา

“ความร่วมมือกันจากหลาย ๆ คนทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่าย น่าทึ่งมากที่เห็นทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันทำงานให้เสร็จสิ้น” พ.ต. ดาเนียล เลอร์ส จากกองทัพบกออสเตรเลีย กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 “นี่ไม่ใช่แค่การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์”

ติมอร์-เลสเตครองพื้นที่ครึ่งฝั่งตะวันออกของเกาะติมอร์ ซึ่งมีพรมแดนติดกับอินโดนีเซีย และอยู่ห่างจากเมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลียไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 600 กิโลเมตร ประเทศนี้มีประชากร 1.4 ล้านคน ซึ่งได้รับเอกราชเมื่อ พ.ศ. 2545 และกำลังจะเป็นสมาชิกประเทศที่ 11 ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในติมอร์-เลสเตสนับสนุนการประกาศเอกราชอย่างท่วมท้นใน พ.ศ. 2542 แต่การลงประชามติได้กระตุ้นให้เกิดความรุนแรงเป็นวงกว้าง ทหารออสเตรเลียประมาณ 5,500 นายเข้าร่วมในกองกำลังรักษาสันติภาพระหว่างประเทศที่ส่งไปยังเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นการส่งทหารครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพออสเตรเลียในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

“ถือเป็นโอกาสที่แสดงให้เราได้เห็นว่าติมอร์-เลสเต และกองทัพสมัยใหม่ได้ก้าวหน้ามาไกลเพียงใดในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้” นางเคทลิน วิลสัน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำติมอร์-เลสเต กล่าวในพิธีเปิดการฝึกซ้อมฮารีฮามูตุก โดยระบุถึงวาระครบรอบ 25 ปีของภารกิจรักษาสันติภาพ

“การฝึกซ้อมแบบพหุภาคีเช่นนี้เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ทหารของเราได้ฝึกฝนทักษะหลัก รวมถึงเรียนรู้จากกันและกันเพื่อพัฒนาทักษะและสร้างความร่วมมือร่วมกัน” นางวิลสันกล่าว

ทีมต่าง ๆ ได้ฝึกฝนความชำนาญด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการแพทย์ การส่งสัญญาณ เครื่องยนต์ขนาดเล็ก และการจัดเลี้ยง คนครัวจากกองทัพออสเตรเลียยังได้จัดเลี้ยงบาร์บีคิวที่โรงอาหาร กันตินา มาตัก หรือ “ครัวสีเขียว” ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองหลวง ดิลี โปรแกรมโภชนาการนี้ให้บริการอาหารมากกว่า 500 มื้อต่อวันสำหรับเด็ก ๆ สตรีมีครรภ์ และมารดาที่อายุน้อย

“อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมีความสำคัญต่อการแก้ปัญหา เช่น การเจริญเติบโตช้าและการเรียนรู้ที่ได้รับผลกระทบในเด็ก” นางเบลล่า กัลฮอส ที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านสตรีและการเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ของกองทัพออสเตรเลีย “ข้าวของต่าง ๆ เช่น เนื้อวัวและเบอร์เกอร์มีราคาแพงมาก และน่าตื่นเต้นมากสำหรับเด็ก ๆ ที่ได้มีโอกาสลิ้มลองบาร์บีคิวแบบออสเตรเลียแท้ ๆ กับทหารออสเตรเลียตัวจริง”