ผู้นำควอดขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลเมื่อต้องเผชิญกับการรุกรานจากจีน

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาจะร่วมกันลาดตระเวนด้วยกองกำลังรักษาชายฝั่งในอินโดแปซิฟิกใน พ.ศ. 2568 การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงจะช่วยยกระดับการทำงานร่วมกันและส่งเสริมความมั่นคงทางทะเล ผู้นำของสี่ประเทศสมาชิกจากกลุ่มความร่วมมือจตุภาคี หรือ ควอด ประกาศหลังการประชุมสุดยอดที่สหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2567
ภารกิจสังเกตการณ์เรือในทะเลของกลุ่มควอดเบื้องต้น ประกอบไปด้วยการให้เจ้าหน้าที่ของกองกำลังรักษาชายฝั่งของแต่ละประเทศทำการลาดตระเวนบนเรือของสหรัฐฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม
สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งเรือของจีนละเมิดอธิปไตยของประเทศอื่น ๆ และบุกรุกเข้าไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศเหล่านั้น เรือที่ติดธงชาติจีนเป็นเรือที่พบบ่อยที่สุดในการละเมิดกฎระเบียบระหว่างประเทศและอยู่ในอันดับที่แย่ที่สุดจาก 152 ประเทศในดัชนีการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมใน พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นโครงการของกลุ่มที่ปรึกษาหน่วยจัดการทรัพยากรทางน้ำโพไซดอนและโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่ายเพื่อความโปร่งใสทางการเงินในสหรัฐฯ ระบุในช่วงปลาย พ.ศ. 2566 ว่าประมาณร้อยละ 25 ของเรือประมงพาณิชย์ที่ต้องสงสัยว่ามีการบังคับใช้แรงงานเป็นเรือที่ติดธงชาติจีน

ภาพจาก: กองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ ผ่านทางดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส
นายแอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายนเรนทระ โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปิดเผยแผนความร่วมมือของกองกำลังรักษาชายฝั่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ในระดับใหญ่ที่เรียกร้องให้มีอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง และประณามโครงการขีปนาวุธที่ผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ
“ในฐานะประเทศประชาธิปไตยทางทะเลที่สําคัญสี่ประเทศในอินโดแปซิฟิก เราสนับสนุนการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคที่มีชีวิตชีวานี้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สําหรับความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของโลก” เหล่าผู้นํากล่าว
“เราขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการกระทำใด ๆ ที่ทำลายเสถียรภาพหรือการกระทำเพียงฝ่ายเดียวในการพยายามเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่โดยใช้กำลังหรือการบีบบังคับ เราขอประณามการยิงขีปนาวุธที่ผิดกฎหมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ในภูมิภาค ซึ่งละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เราแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการกระทำที่เป็นอันตรายและก้าวร้าวในพื้นที่ทางทะเลครั้งล่าสุด เราต้องการเห็นภูมิภาคที่ไม่มีประเทศใดเป็นผู้ครอบงำและถูกครอบงํา ภูมิภาคที่ทุกประเทศปราศจากการถูกบีบบังคับและสามารถใช้ความสามารถของประเทศเพื่อกําหนดอนาคตของพวกเขาได้”
เหล่าผู้นํายังกล่าวอีกว่า พวกเขาจะขยายความร่วมมือในอินโดแปซิฟิกเพื่อสร้างขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของกลุ่มควอดที่เปิดตัวใน พ.ศ. 2565 เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางทะเลแบบใกล้เคียงเวลาจริง โครงการริเริ่มนี้จะขยายจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปทั่วภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย และจะแบ่งปันเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ผ่านโครงการฝึกอบรมทางทะเลใหม่ในอินโดแปซิฟิก “เพื่อให้หุ้นส่วนของเราในภูมิภาคใช้ประโยชน์สูงสุดจากเครื่องมือที่จัดหาให้ … เพื่อตรวจสอบและปกป้องน่านน้ำ บังคับใช้กฎหมาย และยับยั้งการกระทำที่ผิดกฎหมาย”
บรรดาผู้นำยังได้ประกาศเริ่มการเจรจาทางกฎหมายทางทะเลของกลุ่มควอดเพื่อสนับสนุนระเบียบทางทะเลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาในอินโดแปซิฟิก และเครือข่ายด้านโลจิสติกส์เพื่อแบ่งปันความสามารถในการขนส่งทางอากาศในระหว่างการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ
การให้ความสําคัญกับการขยายความมั่นคงทางทะเลของควอดเกิดขึ้นเนื่องจากจีนอ้างว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกเป็นอาณาเขตของตน แม้ว่าจะมีการอ้างสิทธิ์ที่ทับซ้อนกันจากประเทศต่าง ๆ เช่น บรูไน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ใน พ.ศ. 2559 ศาลระหว่างประเทศตัดสินว่าการอ้างสิทธิ์ในดินแดนของรัฐบาลจีนในทะเลจีนใต้ไม่อยู่บนพื้นฐานทางกฎหมาย แต่จีนได้เมินเฉยต่อการตัดสินดังกล่าว โดยจีนยังคงใช้กลยุทธ์ที่ผิดกฎหมาย บีบบังคับ ก้าวร้าว และอันตรายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการพุ่งชนเรือฟิลิปปินส์ในภารกิจส่งเสบียง และกลั่นแกล้งไต้หวัน ซึ่งเป็นเกาะที่ปกครองตนเองที่รัฐบาลจีนขู่ว่าจะผนวกรวมโดยใช้กำลัง
“โครงการริเริ่มด้านความมั่นคงทางทะเลใหม่ของกลุ่มควอดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากไปยังจีนว่า การกลั่นแกล้งทางทะเลของจีนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และพันธมิตรของประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันนี้จะดำเนินการร่วมกันเพื่อตอบสนอง” นางลิซ่า เคอร์ติส ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเอเชียที่ศูนย์วิจัยความมั่นคงแห่งอเมริกาแห่งใหม่ในสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์
แม้ว่าผู้นําควอดไม่ได้กล่าวถึงจีน แต่พวกเขากล่าวว่ามีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ เรายังคงแสดงความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับการจัดกําลังทางทหารในบริเวณที่เป็นข้อพิพาท และการเดินเรือที่บีบบังคับและข่มขู่ในทะเลจีนใต้ เราขอประณามการใช้เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งและเรือกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลที่เป็นอันตราย รวมถึงการเดินเรือที่เป็นอันตรายมากขึ้น นอกจากนี้ เรายังคัดค้านความพยายามที่จะทําลายกิจกรรมการขุดทรัพยากรนอกชายฝั่งของประเทศอื่น ๆ เราขอย้ำว่าข้อพิพาททางทะเลต้องได้รับการแก้ไขอย่างสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศ”