ความร่วมมือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอเชียใต้

การเจรจาด้านกลาโหมระหว่างอินเดียและฟิลิปปินส์มุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือในการผลิตและความมั่นคงทางทะเล

มันดีป ซิงห์

อินเดียและฟิลิปปินส์ได้กระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านกลาโหมครั้งที่ 5 ที่กรุงมะนิลาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 การประชุมที่มีนายคิริธาร์ อรามาเน เลขาธิการกระทรวงกลาโหมของอินเดีย และนายไอรีนีโอ ครูซ เอสปิโน ปลัดกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์เป็นประธานร่วม ได้เน้นย้ำความร่วมมือด้านการผลิตทางกลาโหม ความมั่นคงในภูมิภาค และความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ ท่ามกลางความกังวลร่วมกันเกี่ยวกับความก้าวร้าวของสาธารณรัฐประชาชนจีนในภูมิภาค

อินเดียและฟิลิปปินส์ต่างก็เคยเผชิญหน้ากับจีนโดยตรง โดยที่อินเดียเคยเผชิญหน้ากับจีนในเทือกเขาหิมาลัย ขณะที่ฟิลิปปินส์เผชิญหน้ากับจีนในทะเลจีนใต้ ความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องทําให้รัฐบาลอินเดียและรัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องกระชับความร่วมมือด้านกลาโหม รวมถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศหุ้นส่วน อย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปัจจุบันมีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น

การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านกลาโหมเป็นเวทีสําคัญที่จัดตั้งขึ้นตามข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมของทั้งสองประเทศใน พ.ศ. 2549 และถือเป็นก้าวสําคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งปัจจุบันได้ยกระดับเป็นความสัมพันธ์ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

การเจรจาดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและสํารวจแนวทางความร่วมมือด้านยุทโธปกรณ์กลาโหม นายอรามาเนกล่าวย้ำถึงการปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพฟิลิปปินส์ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเปรียบเทียบกับหลักคำสอนเรื่องการพึ่งพาตนเองของอินเดีย ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมอินเดีย ทั้งยังเชิญชวนให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ “ร่วมมือในอุตสาหกรรมกลาโหมของอินเดียเพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์”

ในทางกลับกัน ฟิลิปปินส์ได้แสดงความสนใจที่จะสร้างความร่วมมือระยะยาวเพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน

หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ด้านกลาโหมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องคือการส่งมอบระบบขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง บราห์มอส ของอินเดียให้กับฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญามูลค่า 1.22 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ลงนามใน พ.ศ. 2565 ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย การติดตั้งระบบขีปนาวุธบราห์มอสถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านกลาโหมพิสัยไกลของฟิลิปปินส์ครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยับยั้งการรุกรานที่อาจเกิดขึ้นจากจีนในทะเลจีนใต้และช่องแคบลูซอน ซึ่งทอดยาวระหว่างฟิลิปปินส์และไต้หวันที่ปกครองตนเอง ตามรายงานของสถาบันนานาชาติเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในลอนดอน

ในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านกลาโหม เจ้าหน้าที่อินเดียได้ให้การต้อนรับฟิลิปปินส์ในฐานะผู้ประสานงานของอินเดียในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ซึ่งเป็นเวทีสําคัญในการเจรจาด้านกลาโหมในภูมิภาค เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศยังสังเกตเห็นการดําเนินงานของ การแลกเปลี่ยนข้อมูลการขนส่งสีขาว ซึ่งเป็นกลไกในการแบ่งปันข้อมูลทางทะเล

การพบปะครั้งนี้ตรงกับเหตุการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ได้แก่ เหตุการณ์ระหว่างนายอรามาเนกับ พล.ท. อาเธอร์ คอร์ดูรา รองผู้บัญชาการกองทัพฟิลิปปินส์ ผู้นำทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านกลาโหมทวิภาคี การฝึกอบรมและการฝึกซ้อมร่วมกัน และการแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงในภูมิภาค ตามรายงานของสำนักข่าวฟิลิปปินส์ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล

“พล.ท. คอร์ดูราแสดงความชื่นชมต่อความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นกับอินเดีย และตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเสรีภาพ การเปิดกว้าง และระเบียบในภูมิภาคที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา เขาเน้นถึงความสำคัญของความร่วมมือและการติดต่ออย่างต่อเนื่องซึ่งก่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงของทั้งสองประเทศ” พ.อ. เซอร์เซส ตรินิแดด โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์ กล่าวกับสำนักข่าวฟิลิปปินส์

ในระหว่างการประชุมร่วมกับนายกิลแบร์โต เตโอโดโร จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ นายอรามาเนได้กล่าวชื่นชมความมุ่งมั่นของรัฐบาลฟิลิปปินส์ต่อหลักนิติธรรมและแสดงความสนใจที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมผ่านการแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยี ตามรายงานของสำนักข่าวฟิลิปปินส์

มันดีป ซิงห์ เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button