การประชุมระหว่างอินโดนีเซียและเวียดนามถือเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคงในภูมิภาค
ทอม แอบกี
การเดินทางเยือนเวียดนามของนายปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียและประธานาธิบดีผู้มาจากการเลือกตั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ถือเป็นก้าวสําคัญของทั้งสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหม โดยทั้งสองประเทศกําลังเตรียมยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมใน พ.ศ. 2568
นายปราโบโวได้พบปะกับผู้นำเวียดนาม รวมถึงนายโต เลิม ประธานาธิบดีเวียดนามที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ นายฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และนายเจิ่น แทง เหมิน ประธานสมัชชาแห่งชาติ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงทางทะเล การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และปฏิบัติการรักษาสันติภาพ
การเดินทางเยือนของนายปราโบโวในช่วงกลางเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 เน้นย้ำถึงผลประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในการเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคโดยเฉพาะความมั่นคงในทะเลจีนใต้ รัฐบาลเวียดนามและรัฐบาลอินโดนีเซียได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพภายใต้การเป็นเจ้าภาพของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศ และยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ
“เราเห็นศักยภาพที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างแน่นอน” นายปราโบโวกล่าวหลังจากพบกับนายเหมิน ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย นายเหมินกล่าวว่าเวียดนามหวังที่จะเสริมสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเนื่องในโอกาสที่ทั้งสองประเทศเตรียมฉลองครบรอบการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต 70 ปีใน พ.ศ. 2568
นายปราโบโวและผู้นำเวียดนามยังได้ตกลงที่จะเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลและประสานงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ในการป้องกันการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม
นายจิ๊ญกล่าวกับนายปราโบโวว่า เวียดนามพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนอินโดนีเซียในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารผ่านการส่งออกสินค้าเกษตร
ผู้นําทั้งสองประเทศได้ให้คํามั่นว่าจะเสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเน้นย้ำถึงความสําคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525 และรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ตลอดจนความมั่นคงในทะเลจีนใต้ นายเดนนี อับดี เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจําเวียดนาม กล่าว
“เมื่ออินโดนีเซียและเวียดนามมีผู้นำคนใหม่ใน พ.ศ. 2567 ผมเชื่อว่าผู้นำคนใหม่จะช่วยให้เกิดความร่วมมือและสร้างพลังใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียและเวียดนาม เพราะเรามุ่งมั่นไปสู่การมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายใน พ.ศ. 2588” นายอับดีกล่าวในแถลงการณ์
การเยือนของนายปราโบโวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเยือนประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งบรูไน กัมพูชา ลาว มาเลเซีย และไทย โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาคและกระชับความร่วมมือด้านกลาโหมของอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ เวียดนามได้ดําเนินกิจกรรมทางการทูตในอินโดแปซิฟิก รวมถึงการยกระดับความสัมพันธ์กับหลายประเทศใน พ.ศ. 2566 อีกทั้งยังสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหม เศรษฐกิจ และความมั่นคง
ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเวียดนามและรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีการยกระดับให้ตระหนักถึงผลประโยชน์ร่วมกันในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพโดยเฉพาะในทะเลจีนใต้ ในทำนองเดียวกัน เวียดนามยังได้กระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรับมือกับข้อกังวลของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการกระทำที่ก้าวร้าวของสาธารณรัฐประชาชนจีนในภูมิภาค
ทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์