ผู้นำด้านกลาโหมของสหรัฐฯ และจีนกลับมาดำเนินการเจรจาระหว่างกองทัพอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ผู้นำด้านกลาโหมของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เน้นย้ำถึงท่าทีด้านความมั่นคงของตนเอง ในการหารือที่มีเป้าหมายเพื่อลดความตึงเครียดหรือความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้า
การหารือที่กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในช่วงกลาง พ.ศ. 2567 นี้เกิดขึ้นหลังจากหยุดชะงักไปสองปี โดยได้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นต่าง ๆ เช่น ไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และการสนับสนุนของจีนต่ออุตสาหกรรมทหารของรัสเซีย จีนได้ยุติการเจรจาระหว่างกองทัพหลังจากคณะผู้แทนรัฐสภาสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนไต้หวันที่ปกครองตนเองในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 รัฐบาลจีนตกลงที่จะกลับมาเริ่มการสื่อสารอีกครั้งหลังจากที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประชุมกันที่รัฐแคลิฟอร์เนียในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566
รัฐบาลจีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน และข่มขู่ว่าจะผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนโดยใช้กำลัง จีนยังอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศอื่น ๆ ด้วย และจีนยังคงเพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ระบุว่าการอ้างสิทธิ์ทางทะเลเหล่านั้นไม่มีผลทางกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าจีนจัดหาชิ้นส่วนสำหรับอาวุธให้แก่อุตสาหกรรมรัสเซียที่ใช้ในสงครามที่รัฐบาลรัสเซียโจมตียูเครนโดยไม่มีเหตุสมควร
ในทางตรงกันข้าม สหรัฐฯ รวมทั้งพันธมิตรและหุ้นส่วน คัดค้านการเปลี่ยนแปลงสถานะเกี่ยวกับไต้หวันเพียงฝ่ายเดียว และได้ประณามการกระทำที่ก้าวร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในทะเลจีนใต้ สหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนยังเป็นหนึ่งในหลายสิบประเทศที่ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในฐานที่ทำการรุกรานยูเครน
ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักวิเคราะห์ระบุว่าเป็นจุดเสี่ยงความขัดแย้ง เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนได้ชนกับเรือฟิลิปปินส์ที่มีขนาดเล็กกว่าในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 ทำให้เกิดรูโหว่บริเวณตัวเรือเหนือผิวน้ำ นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายน เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนยังโจมตีเรือฟิลิปปินส์ที่กำลังส่งเสบียงไปยังด่านทหารชั้นนอกที่สันดอนโทมัสที่สอง ซึ่งทำให้ทหารเรือฟิลิปปินส์บาดเจ็บและเป็นการสร้างความเสียหายให้กับเรือและยุทโธปกรณ์ของฟิลิปปินส์ เหตุการณ์ทั้งสองและการปะทะกันครั้งอื่น ๆ กับจีน ล้วนเกิดขึ้นภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์
ภายใต้สนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันที่มีมาอย่างยาวนาน ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ มีพันธะในการปกป้องกันและกันจากการโจมตีด้วยอาวุธจากภายนอก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าการกระทำของจีนในทะเลจีนใต้อาจจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่กว้างขึ้น
นับตั้งแต่มีการกลับมาทำการเจรจาด้านกลาโหมอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และจีนได้ประชุมกันทั้งแบบพบหน้าและแบบออนไลน์ พล.ร.อ. ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ได้จัดการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอกับ พล.อ. อู๋ ยานาน ผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธบริเวณภาคใต้ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 พล.ร.อ. ปาปาโร เรียกร้องให้มีการสื่อสารระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และกองทัพปลดปล่อยประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวว่าการหารือระดับสูงสามารถชี้แจงเจตนาที่แท้จริงและลดความเข้าใจผิดลงได้ พล.ร.อ. ปาปาโรยังได้อ้างถึงการปฏิสัมพันธ์ล่าสุดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนกับพันธมิตรของสหรัฐฯ และเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกฎหมายและบรรทัดฐานระหว่างประเทศเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย
ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น นายไมเคิล เชส ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายจีน มองโกเลีย และไต้หวัน เข้าร่วมเซียงซานฟอรัม ซึ่งเป็นการประชุมด้านความมั่นคงนานาชาติที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง “ส่วนสำคัญก็คือ เราจะเปิดช่องทางการสื่อสารอยู่เสมอ เพราะนั่นมีความสำคัญในการป้องกันไม่ให้การแข่งขันกลายเป็นความขัดแย้ง” นายเชสกล่าว นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ส่งข้อความในทำนองเดียวกันในที่การประชุมแชงกรีล่า ซึ่งเป็นการประชุมด้านกลาโหมที่จัดขึ้นในสิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายน โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องการให้มีความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการแข่งขัน ไม่ใช่ความขัดแย้ง
นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ประชุมกับนายหวัง อี้ นักการทูตจีน เป็นเวลาประมาณ 11 ชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาสองวันในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 นายซัลลิแวนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับ “นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม” ของจีนและการสนับสนุนอุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซีย ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ นายซัลลิแวนยังได้ประชุมกับนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่งเป็นเวลา 3 วัน
“นี่เป็นช่องทางการสื่อสารที่มีความเป็นผู้ใหญ่และดูตรงไปตรงมาอย่างผิดหูผิดตา” นายรัช โดชิ ผู้อำนวยการโครงการริเริ่มยุทธศาสตร์จีนที่สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสหรัฐฯ กล่าวกับเดอะนิวยอร์กไทมส์ นายโดชิ ซึ่งเคยเข้าร่วมการประชุมระหว่างนายซัลลิแวนและนายหวังในครั้งก่อน ๆ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่าย “ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา และนั่นทำให้เกิดความมั่นคงในระดับหนึ่ง แม้ว่าความสัมพันธ์จะมีการแข่งขันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”