ความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างประเทศถูกมองว่าเป็นแผนการใหม่ในการแสวงหาอำนาจควบคุมระดับโลก
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ประกาศแผนการในช่วงต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ว่าจะทำการส่งออกรูปแบบการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยของตน โดยการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3,000 นายทั่วโลก
ข้อเสนอนี้จากกระทรวงบริการสาธารณะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อมองดูโดยผิวเผินแล้วอาจดูน่าสนใจเมื่อรวมกับการเสนออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบอบเผด็จการอื่น ๆ ที่ต้องการเลียนแบบรูปแบบการควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยพรรคการเมืองเดียวของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งอ้างว่าความมั่นคงของระบอบการปกครองที่แข็งแกร่งทำให้เกิดความมั่นคงและความอยู่รอดของประเทศ
พรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างในการประชุมการบังคับใช้กฎหมายประจำปีที่เหลียนหยุนกั่งว่า แผนนี้จะทำให้โลก “ปลอดภัย สมเหตุสมผล และมีประสิทธิภาพมากขึ้น” โดยการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างชาติเพื่อ “ช่วยให้พวกเขาปรับปรุงขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายของตนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” ตามข้อมูลจากรายงานข่าว การประชุมนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สามและอยู่ภายใต้โครงการความมั่นคงสากลของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเปิดตัวใน พ.ศ. 2565
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าในทางปฏิบัติแล้ว รูปแบบการบังคับใช้กฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำลายความเป็นมืออาชีพของทหารและตำรวจ รวมถึงแนวคิดด้านความมั่นคงของพลเมืองด้วย ชุดการฝึกอบรมนี้รวมถึงหลักการทางการเมืองและอุดมการณ์ตามแบบของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมักจะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญของประเทศที่ได้รับการฝึกอบรม
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อเสนอการบังคับใช้กฎหมายนี้ยังเต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน นักวิเคราะห์กล่าว เช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามบ่อนทำลายหลักนิติธรรมในระดับสากลด้วยแนวปฏิบัติที่คุกคามทั้งความมั่นคงของบุคคลและอธิปไตยของชาติอยู่บ่อยครั้ง
พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้การเฝ้าระวัง การลงโทษนอกกระบวนการยุติธรรม เช่น การลักพาตัว การกดขี่ และความหวาดกลัว ในการควบคุมประชาชนทั้งในและนอกประเทศ ตามรายงานใน พ.ศ. 2565 ของศูนย์เพื่อความก้าวหน้าของอเมริกาซึ่งมีชื่อว่า “การขยายอิทธิพลระหว่างประเทศของตำรวจจีน”
นับตั้งแต่ที่นายสี จิ้นผิง เข้าดำรงตำแหน่งใน พ.ศ. 2555 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เพิ่มการใช้งานกลยุทธ์การบีบบังคับดังกล่าวมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสอดแนมและการคุกคามชาวจีนพลัดถิ่น และการขับไล่ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมจำนวนมากไปยังค่ายกักกัน ตามข้อมูลจากรายงาน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ขยายกิจกรรมการบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมบรรทัดฐานด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนาในอินโดแปซิฟิกและแอฟริกา ใน พ.ศ. 2566 สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างประเทศจำนวน 2,700 คน
เช่น ในช่วง พ.ศ. 2561 ถึง พ.ศ. 2564 มีตำรวจและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายชาวแอฟริกามากกว่า 2,000 คนที่ได้รับการฝึกอบรมในจีน ตามรายงานในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 ของศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์แอฟริกา ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
โครงการฝึกอบรมตำรวจนี้อาจเป็นวิธีการหลักสำหรับจีนในการปกป้องการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่ามีมูลค่ากว่า 32.67 ล้านล้านบาท (ประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน รัฐบาลจีนได้จัดตั้งบริษัทประมาณ 47,000 แห่งใน 190 ประเทศหรือภูมิภาค ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์จีน
โครงการเหล่านี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากแนวทางการปล่อยเงินกู้อย่างเอารัดเอาเปรียบของรัฐบาลจีน และความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นต่อการใช้นโยบายที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและการควบคุมให้กับบริษัทและแรงงานชาวจีน ขณะเดียวกันก็ละเลยบริษัทและแรงงานในท้องถิ่น ตามบทความในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ในนิตยสารเดอะสเปคเตเตอร์
สิ่งนี้ได้จุดประกายให้เกิดการต่อต้าน เช่น กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในปากีสถานเกือบจะเข้ายึดครองท่าเรือกวาดาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานมูลค่า 2.02 ล้านล้านบาท (ประมาณ 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก กลุ่มกบฏได้โจมตีการทำเหมืองแร่ที่ควบคุมโดยจีน ตามที่บทความระบุ
“พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับชะตากรรมของการลงทุนทั่วโลกจำนวนมากที่กำลังมีปัญหา และความสามารถของประเทศผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ที่สุดจำนวนหนึ่งในการปกป้องสินทรัพย์ของจีน” บทความระบุ “ดูเหมือนว่ารัฐบาลจีนจะสรุปแล้วว่าการลงทุนเหล่านี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตึงเครียดและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้จำเป็นต้องมีระบบความมั่นคงภายในที่เหมาะสม”
อย่างไรก็ตาม ประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่กลุ่มบลูแปซิฟิกไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างตอบโต้การจัดการด้านการบังคับใช้กฎหมายที่น่าสงสัยของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
หลังจากที่หมู่เกาะโซโลมอนและจีนทำข้อตกลงกันใน พ.ศ. 2565 เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง มีประเทศอื่น ๆ ในหมู่เกาะแปซิฟิกอย่างน้อยสิบประเทศที่ปฏิเสธจะเข้าร่วมข้อตกลงระดับภูมิภาคที่คล้ายกันที่รัฐบาลจีนพยายามผลักดัน
ขณะเดียวกัน ไทยก็ยกเลิกแผนการลาดตระเวนร่วมกับตำรวจจีน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวว่าแผนดังกล่าวจะบ่อนทำลายอธิปไตยของประเทศ พลเมืองไทยยังแสดงความกังวลอย่างหนักผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าไทยอาจกลายเป็นรัฐที่มีการสอดแนม ตามรายงานของนิตยสารเดอะสเปคเตเตอร์