ความร่วมมือทรัพยากรส่วนรวมของโลกโอเชียเนีย

โครงการด้านกลาโหมระหว่างปาเลาและสหรัฐฯ ช่วยยกระดับขอบเขตในการเฝ้าระวังทางอากาศและความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการ

ทอม แอบกี

ปาเลาและสหรัฐอเมริกาได้ร่วมมือกันเพื่อยกระดับขอบเขตในการเฝ้าระวังทางอากาศและเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการ รวมถึงการแสดงอำนาจทางอากาศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เจ้าหน้าที่และนักวิเคราะห์กล่าว โครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านกลาโหมที่ร่วมมือกันในปาเลา ได้แก่ การก่อสร้างสถานีเรดาร์ตรวจการณ์หลายภารกิจข้ามขอบฟ้าทางยุทธวิธีแบบไร้ลูกเรือบนเกาะบาเบลดาออบ รวมถึงการบูรณะและต่ออายุใบรับรองสนามบินทหารบนเกาะเปเลลิว

โครงการริเริ่มเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ด้านกลาโหมที่แข็งแกร่งของทั้งสองประเทศ ดร. เจฟฟรีย์ ฮอร์นัง นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมของแรนด์คอร์ปอเรชัน กล่าวกับ ฟอรัม

ภายใต้ข้อตกลงสัญญาความสัมพันธ์เสรีทวิภาคี สหรัฐฯ มีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันปาเลา และกองทัพสหรัฐฯ สามารถปฏิบัติการจากสถานที่ต่าง ๆ ในปาเลาได้

สนามบินดังกล่าวซึ่งมีบทบาทสำคัญในสมรภูมิเปเลลิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับการบูรณะโดยวิศวกรนาวิกโยธินสหรัฐฯ ร่วมกับรัฐบาลในท้องถิ่น และได้ต่ออายุใบรับรองให้ใช้งานได้อีกครั้งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567

“ในนามของประชาชนรัฐเปเลลิว ผมขอขอบคุณกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาและนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ทำให้สนามบินสำหรับใช้งานร่วมซึ่งรอคอยกันมาอย่างยาวนานแห่งนี้สามารถกลับมาใช้ได้จริงอีกครั้ง” นายเอมิส โรเบิร์ตส์ ผู้ว่าราชการรัฐเปเลลิว กล่าวในพิธีเฉลิมฉลองสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว “ชุมชนเกาะขนาดเล็กของเราได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการมีบทบาทของนาวิกโยธินสหรัฐฯ เราเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมืออันยิ่งใหญ่นี้ อีกทั้งเรายังรู้สึกปลอดภัยและได้รับการปกป้องผ่านการสนับสนุนจากประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้”

ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน เครื่องบินบรรทุกเชื้อเพลิง เคซี-130เจ ซูเปอร์ เฮอร์คิวลิส แห่งกองบินนาวิกโยธินที่ 1 ได้กลายเป็นอากาศยานปีกตรึงทางการทหารลำแรกที่ลงจอดบนลานบินแห่งประวัติศาสตร์นี้ นับตั้งแต่ได้ต่ออายุใบรับรองใหม่อีกครั้ง ตามรายงานของข่าวประชาสัมพันธ์แห่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ นักวิเคราะห์กล่าวว่า สนามบินแห่งนี้จะช่วยสหรัฐฯ ในการขยายบทบาทเพื่อรักษาความปลอดภัยในภูมิภาคได้

“ที่ตั้งของสนามบินแห่งนี้ ซึ่งอยู่ภายนอกหมู่เกาะแรก แต่ตั้งอยู่ใกล้กับประเทศหุ้นส่วนและพันธมิตรที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือในเชิงยุทธศาสตร์ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการและสนับสนุนการแสดงอำนาจทางอากาศภายในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก” นางแคทรีน ไพค์ นักวิจัยอาวุโสและประธานฝ่ายออสเตรเลียแห่งสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ กล่าวกับ ฟอรัม

นางไพค์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีผ่านการตอบสนองต่อความต้องการด้านการพัฒนารัฐเปเลลิว เช่น การสร้างกำแพงกันคลื่นและการยกระดับระบบน้ำและโครงข่ายพลังงาน

ในขณะเดียวกันที่บาเบลดาออบ คาดว่าระบบเรดาร์ตรวจการณ์หลายภารกิจข้ามขอบฟ้าทางยุทธวิธีจะแล้วเสร็จภายใน พ.ศ. 2569 ตามรายงานของรัฐบาลปาเลา รายงานดังกล่าวระบุว่า เรดาร์จะมีความสำคัญในการจัดเตรียมขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเลโดยครอบคลุมพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตร และขยายขีดความสามารถของสหรัฐฯ และหุ้นส่วนในภูมิภาคเกี่ยวกับการติดตามการจราจรทางอากาศใกล้ปาเลา ทั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงในการบินเหนือน่านฟ้า

รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “การสร้างระบบเรดาร์ตรวจการณ์หลายภารกิจข้ามขอบฟ้าทางยุทธวิธีจะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถรักษาหรือเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรด้านกำลังคน เชื้อเพลิง และกลาโหมที่มักจะใช้ไปกับเรือและอากาศยาน ซึ่งมักจะใช้ในการตรวจสอบขอบเขตทางอากาศในภูมิภาค”

ทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button