ทรัพยากรส่วนรวมของโลกเรื่องเด่นเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

เปิดโปง เรื่องเล่าเท็จของ พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ข้อมูลเชิงลึกจากการตรวจสอบความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเรื่อง “การครอบงำทางความคิด”

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

แนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการทำสงครามทางความคิดอาจเป็นองค์ประกอบที่ได้รับการศึกษาน้อยที่สุดในบรรดากลยุทธ์การครอบงำระเบียบระหว่างประเทศของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งแท้จริงแล้วอาจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด

พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีจุดหมาย “เพื่อบรรลุในสิ่งที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนเรียกว่า การครอบงำทางความคิด ซึ่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนนิยามว่าเป็นการใช้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวความคิดเห็นของประชาชนให้ส่งผลกระทบต่อระบบสังคมของประเทศ โดยอาจมีแนวโน้มที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อจีน และลดการต่อต้านของพลเรือนกับทหารต่อการกระทำของกองทัพปลดปล่อยประชาชน” ตามข้อมูลจากรายงาน “การพัฒนาด้านการทหารและความมั่นคงของสาธารณรัฐประชาชนจีน” โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ. 2566

กองทัพปลดปล่อยประชาชนมีแนวโน้มที่จะใช้ปฏิบัติการทางความคิด ซึ่งเป็นการรวมสงครามทางจิตวิทยาเข้ากับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มการสื่อสารเพื่อกำหนดพฤติกรรมและการตัดสินใจของฝ่ายตรงข้าม “เป็นวิธีการที่ไม่มีรูปแบบแน่นอนในการยับยั้งไม่ให้สหรัฐฯ หรือองค์กรภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในอนาคต หรือเป็นวิธีการเชิงรุกในการกำหนดมุมมองการรับรู้หรือการแบ่งขั้วของสังคม” ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

การวิเคราะห์ตรวจสอบภาพลักษณ์เชิงลบของสหรัฐฯ เกี่ยวกับความพยายามด้านความปลอดภัยทางชีวภาพและความมั่นคงทั่วโลกที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสร้างขึ้น ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสงครามจิตวิทยารูปแบบใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การบรรยายในห้องปฏิบัติการชีววิทยาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีการใส่ความสหรัฐฯ โดยไม่มีหลักฐานในเรื่องการดำเนินการห้องปฏิบัติการทางชีวภาพเพื่อสร้างอาวุธ ไม่ใช่เพื่อพัฒนาการป้องกันโรคติดเชื้อ ปฏิบัติการทางความคิดดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยจะส่งผลกระทบต่อมุมมองการรับรู้ของเป้าหมายและเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจและพฤติกรรมของเป้าหมายตามที่ได้รายงานไว้ แม้ว่าจะดูไร้สาระเมื่อมองเผิน ๆ แต่อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการชีววิทยาที่ถูกเปิดโปงนั้นได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพชั้นดีให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการแข่งขัน

สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้ลงนามรายแรกในการรณรงค์อาวุธชีวภาพระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2515 โดยเห็นพ้องกับการสั่งห้ามใช้อาวุธชีวภาพทั่วโลกซึ่งออกหลังจากที่สหรัฐฯ ยุติโครงการอาวุธชีวภาพเชิงรุกได้ 6 ปี “สหรัฐอเมริกาปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพอย่างเต็มที่ และไม่ได้พัฒนาหรือครอบครองอาวุธดังกล่าว หรือส่งเสริมให้ผู้อื่นทำเช่นนั้น” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์เมื่อเร็ว ๆ นี้

สหรัฐฯ รวมทั้งพันธมิตรและหุ้นส่วนจำเป็นต้องศึกษาว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้วิธีใดในการรวมองค์ประกอบทางกายภาพและข้อมูลเข้ากับยุทธศาสตร์ทางความคิด เพื่อเป็นการตอบโต้การกล่าวเท็จอันเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่านักวิจัยได้ศึกษาโครงสร้างพื้นฐานการปล่อยเงินกู้เชิงคุกคามในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน และการที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้การย้ายถิ่นของชาวจีนเป็นเครื่องมือในการผลักดันวาระเชิงกลยุทธ์ แต่พันธมิตรและหุ้นส่วนก็จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจการดำเนินงาน ความเคลื่อนไหว และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลจีนอย่างชัดเจนเพื่อที่จะบรรลุผลทางมุมมองการรับรู้ ยุทธวิธีอำนาจอ่อนของจีนส่งผลต่อมุมมองการรับรู้ต่าง ๆ ในยุคของการแข่งขันเชิงกลยุทธ์อย่างไร บทบาทของการป้องปรามข้อมูลในยุทธศาสตร์แบบบูรณาการของจีนคืออะไร

เจ้าหน้าที่เสนารักษ์สหรัฐฯ ประมวลผลตัวอย่างชีวภาพจากเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 ที่โยโกสึกะ ประเทศญี่ปุ่น กองบัญชาการวิจัยทางการแพทย์สหรัฐฯ

การบิดเบือนมุมมองการรับรู้

ปฏิบัติการทางความคิดคือองค์ประกอบสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะใช้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ตัวเอง พรรคคอมมิวนิสต์จีนทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีในการใช้ปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูลในต่างประเทศ โดยใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิดเพื่อแสดงภาพลักษณ์ของตัวเองในเชิงบวกและกอบโกยการยอมรับที่จีนต้องการจากทั่วโลก พรรคคอมมิวนิสต์จีนปิดบังหรือทำให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับประเทศของตัวเองนั้นไม่ชัดเจน และใช้อำนาจในทางข้อมูลในการเบี่ยงเบนมุมมองความเห็นทั่วโลกเพื่อการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศคู่แข่ง

แนวทางเข้าร่วมการแข่งขันด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของรัฐบาลจีนคือ การใช้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนที่ออกแบบมาเพื่อแสดงว่าจีนเป็นผู้นำด้านสุขภาพระดับโลก นอกจากนี้ จีนยังแข่งขันโดยตรงกับสหรัฐฯ บนเวทีสุขภาพระหว่างประเทศ และพยายามที่ตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับความแน่นแฟ้นในความร่วมมือและโครงการต่าง ๆ ของสหรัฐฯ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี จีนจึงแสวงหาช่องทางเข้าถึงตำแหน่งยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับจีนในการแข่งขันในด้านนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ประโยชน์จากความกลัวและความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเผยแพร่ข้อกังขาในสภาพแวดล้อมด้านข้อมูลข่าวสารเพื่อให้สาธารณชนตั้งคำถามกับความจริง จากนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนพุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ ด้วยโครงการบิดเบือนข้อมูลเพื่อหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ โดยอาศัยประโยชน์จากความไม่แน่นอนทางความคิดที่ตามมา

ข้อใส่ร้ายที่ว่าสหรัฐฯ กำลังพัฒนาอาวุธชีวภาพและมีการจ้างบุคคลภายนอกมาช่วยพัฒนานั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ข้อกล่าวหาเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สงครามเกาหลีในช่วงต้นทศวรรษ 1950 (พ.ศ. 2493-2502) เมื่อโซเวียตและจีนกล่าวหาอย่างเป็นเท็จว่ากองทัพสหรัฐฯ ใช้อาวุธชีวภาพอย่างแพร่หลายต่อกองกำลังคอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวียตยังยอมรับว่าในทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) มีโครงการบิดเบือนข้อมูลในปฏิบัติการเดนเวอร์ โดยอ้างว่ากองทัพสหรัฐฯ พัฒนาและปล่อยไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ในแอฟริกา ข้อกล่าวหาเท็จเหล่านี้ยังคงส่งผลต่อความคิดของผู้คน และกลายเป็นรากฐานในการรับรู้เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรค ข้อกล่าวหาเท็จเหล่านี้ยังเป็นรากฐานของการ กล่าวอ้างที่เป็นเท็จอย่างต่อเนื่องของจีน ซึ่งระบุว่าโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากห้องปฏิบัติการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ฟอร์ต ดีทริก รัฐแมริแลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในด้านการวิจัยการป้องกันทางชีวภาพ ความสามารถด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ และประวัติความปลอดภัย

แม้ว่ากองทัพสหรัฐฯ จะพัฒนาแนวทางยุทธวิธี เทคนิค และวิธีการปฏิบัติทางสงครามชีวภาพในช่วงสงครามเกาหลี แต่ไม่ว่าจะเคยได้รับการนำไปใช้หรือไม่ หรือแม้จะใช้ในขอบเขตจำกัดก็ตาม สิ่งนี้ยังคงไม่ได้รับการพิสูจน์และยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นักวิจัยสหรัฐฯ ได้เรียนรู้แนวทางดังกล่าวจาก ดร. ชิโระ อิชิอิ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของหน่วย 731 ผู้ฉาวโฉ่ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้ญี่ปุ่นทำสงครามชีวภาพต่อจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ขยายประเด็นทางประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ถกเถียงเหล่านี้ให้รุนแรงยิ่งขึ้นในโครงการบิดเบือนข้อมูล และพยายามใช้ประโยชน์จากการรับรู้เชิงลบที่ยังคงค้างคาใจผู้คนอยู่เพื่อสร้างความร่วมมือกับประเทศเกิดใหม่ที่สำคัญ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังอ้างถึงการนิรโทษกรรมหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วย 731 ซึ่งทำการทดลองทางชีวภาพอย่างไร้มนุษยธรรมกับเชลยศึกจากจีน เกาหลี โซเวียต และสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ของหน่วย 731 ได้หลีกเลี่ยงการขึ้นศาลในศาลอาชญากรรมสงครามกรุงโตเกียว โดยแลกมากับการแบ่งปันงานวิจัยกับนักวิทยาศาสตร์ที่ฟอร์ต ดีทริก พรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างหน่วย 731 กับโครงการสนับสนุนทางชีวภาพของสหรัฐฯ อย่างผิด ๆ และได้เผยแพร่การกล่าวหานี้มาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา

การบิดเบือนความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์

จีนมักสร้างความเชื่อมโยงเชิงสมคบคิดระหว่างการระบาดของโรคที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเข้ากับโครงการสุขภาพระดับโลกของสหรัฐฯ และรัฐบาลก็ใช้ความสัมพันธ์กับรัสเซียเพื่อขยายขอบเขตสื่อของตนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เอเชียกลาง การใช้การบิดเบือนเรื่องราวเหล่านี้เป็นอาวุธของรัฐบาลรัสเซียเองเป็นที่ประจักษ์ชัดในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 เมื่อรัสเซียกล่าวหายูเครนและสหรัฐฯ ว่ามีความร่วมมือทางชีวภาพอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งท้ายที่สุดรัสเซียก็ได้อ้างว่านี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้รัสเซียรุกรานยูเครนโดยไร้เหตุสมควรในอีกห้าเดือนต่อมา

นักวิทยาศาสตร์ทั้งในและนอกประเทศรัสเซียกล่าวว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เป็นความจริงและรัฐบาลรัสเซียไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านี้ ใน พ.ศ. 2565 มีสมาชิกอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพนานาชาติมากกว่า 35 ประเทศที่ร่วมกับสหรัฐฯ ในการปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่น่าเชื่อถือของรัสเซีย ตามรายงานขององค์กรสื่อบูลเล็ตอินออฟดิอะตอมิกไซแอนทิสต์

แทบจะทันทีหลังจากการรุกรานของรัสเซีย และตามข้อตกลงความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนาน จีนได้ขยายเรื่องราวคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จของรัฐบาลรัสเซียให้แพร่หลายไปมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังใช้คำกล่าวอ้างนี้เป็นอาวุธทางความคิดเพื่อสนับสนุนความทะเยอทะยานในภูมิภาคของรัฐบาลจีน ในขณะที่ความวิตกกังวลจากการแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย ข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จก็เริ่มแพร่หลายขึ้น เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามที่จะใส่ร้ายป้ายสีเพื่อทำลายความสำเร็จของโครงการด้านสุขภาพระดับโลกของสหรัฐฯ แม้จะมีบันทึกข้อมูลด้านการลดการแพร่ระบาดและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ตาม

นางหัว ชุนหยิง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้บิดเบือนข้อมูลเพื่อบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 รอยเตอร์

การลดภัยคุกคามร่วมกัน

รัสเซียและจีนได้มุ่งเป้าไปที่ความพยายามด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านชีวภาพและความมั่นคงที่นำโดยสำนักการลดภัยคุกคามร่วมกันของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งทำงานร่วมกับหุ้นส่วนต่างประเทศเพื่อลดภัยคุกคามทางชีวภาพ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นของและดำเนินการโดยประเทศเจ้าภาพ และการเข้าไปประจำการของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะมาจากการได้รับเชิญ

การลดภัยคุกคามร่วมกันมีรากฐานมาจากความร่วมมือกับ
รัสเซียยุคหลังโซเวียต เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลรัสเซียและรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ในจุดสูงสุดในช่วงทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2533-2542) ในระยะแรก ห้องปฏิบัติการส่วนใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของอดีตโครงการอาวุธชีวภาพเชิงรุกของสหภาพโซเวียต รัสเซียและสหรัฐฯ ทำงานร่วมกันเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ห้องปฏิบัติการ ปรับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่สันติ เมื่อโครงการพัฒนาไปมากขึ้น โครงการนี้ก็ได้ฝึกอบรมนักวิทยาศาสตร์หลายร้อยคนและจัดหาอุปกรณ์ขั้นสูงเพื่อตรวจจับการระบาดของโรค และอำนวยความสะดวกในโครงการการวิจัยร่วมเพื่อสุขภาพระดับโลก ผู้รับความช่วยเหลือจากโครงการลดภัยคุกคามร่วมกันส่วนใหญ่ทำงานร่วมกับองค์การอนามัยโลกโดยตรงและองค์กรด้านสุขภาพระหว่างประเทศอื่น ๆ การสนับสนุนจากสหรัฐฯ ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความสำคัญในช่วงการแพร่ระบาด ห้องปฏิบัติการในประเทศไทยเป็นแห่งแรกที่ระบุพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้อุปกรณ์และการฝึกอบรมที่จัดหาโดยหน่วยงานลดภัยคุกคามด้านกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งโครงการลดภัยคุกคามร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานนี้

สำหรับรัฐบาลจีนที่มองว่าความสำเร็จใด ๆ ของสหรัฐฯ ถือเป็นความล้มเหลวสำหรับจีน ความสำเร็จของโครงการความมั่นคงทางชีวภาพและสาธารณสุขที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ท้าทายโครงการสร้างอิทธิพลของรัฐพรรคการเมืองเดียวแห่งนี้

ผลที่ตามมาคือ พรรคคอมมิวนิสต์จีนมักจะยกระดับโครงการบิดเบือนข้อมูลของตนขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความก้าวหน้าของสหรัฐฯ ที่เป็นไปได้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความพยายามในการจัดตั้งความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์แบบองค์รวมระหว่างอินโดนีเซียและสหรัฐฯ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียและสหรัฐฯ ยังคงแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไม่นานมานี้พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ขุดคุ้ยข้อกล่าวหาเท็จจาก พ.ศ. 2551 เกี่ยวกับหน่วยวิจัยการแพทย์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ หมายเลข 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียขอให้มีการจัดตั้งภารกิจระหว่างอินโดนีเซียกับสหรัฐฯ ขึ้นในจาการ์ตาในทศวรรษ 1970 (พ.ศ. 2513-2522) เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ แม้ว่าข้อกล่าวหาเท็จเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการที่พัฒนาอาวุธชีวภาพจะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้อง อินโดนีเซียกลับไม่ได้ต่ออายุข้อตกลงห้องปฏิบัติการ และสหรัฐฯ ได้ย้ายห้องปฏิบัติการใน พ.ศ. 2552

ข้อกล่าวหาเท็จอีกประการหนึ่งที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับการวิจัยของสหรัฐฯ มีการแพร่กระจายในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ และพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงลงทุนใช้ทรัพยากรอย่างมากเพื่อแพร่กระจายข้อมูลบิดเบือนของตน เป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือการทำให้เกิดความสงสัยในสภาพแวดล้อมด้านข้อมูล หากปล่อยไว้โดยไม่มีการตรวจสอบ สงครามทางความคิดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยังคงเป็นปัญหาต่อสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนในอินโดแปซิฟิก และความมั่นคงของประชาคมโลกต่อไป ดังนั้นแล้ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และหุ้นส่วนในอินโดแปซิฟิกต้องเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับความพยายามด้านสาธารณสุขของตน และลดโอกาสที่จะเกิดการคาดเดาไปเองและการสมคบคิด ยิ่งมีการแบ่งปันข้อมูลที่โปร่งใสกับประชาชนทั่วโลกมากเท่าใด ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวก็ยิ่งรับรู้ข้อเท็จจริงที่ใช้เพื่อปกป้องตนเองจากการเผยแพร่เรื่องเท็จมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็นที่นี่

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button